ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๓๓

 
khampan.a
วันที่  7 ม.ค. 2561
หมายเลข  29400
อ่าน  2,548

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๓๓

~ ยอมรับตามความเป็นจริงว่า ยังมีกิเลสมากสำหรับผู้ที่เป็นปุถุชน ตราบใดที่ยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนแล้ว จะให้กิเลสน้อยเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลย เพียงแต่ว่าจะไม่ทราบ หรือจะไม่รู้เท่านั้นเองว่า เป็นผู้ที่มีกิเลสมาก

~ วันหนึ่งๆ ถูกพัดไปมากไหม ความพอใจในรูปที่ปรากฏทางตา ในเสียงที่ปรากฏทางหู ในกลิ่นที่ปรากฏทางจมูก ในรสที่ปรากฏทางลิ้น ในโผฏฐัพพะที่ปรากฏทางกาย

~ คนที่กำลังเดือดร้อนนี้เป็นปุถุชน ถ้าเป็นพระอริยบุคคลแล้ว ความเดือดร้อนก็น้อยลง แต่สำหรับปุถุชนเดือดร้อนมากจริงๆ เพราะอกุศล โลภะบ้าง โทสะบ้าง โมหะบ้าง ในวันหนึ่งๆ ขณะใดซึ่งรู้สึกเดือดร้อนใจ ขณะนั้นให้ทราบว่าเป็นอกุศลธรรม และเพิ่มความเป็นปุถุชน ผู้ที่หนาด้วยกิเลสให้มากขึ้น เพราะถ้าเป็นความเห็นถูก เป็นปัญญาแล้ว ขณะนั้นจะไม่เดือดร้อน

~ ใน ๔๕ พรรษานี้ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยละเอียด เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง ซึ่งถ้าไม่ได้ศึกษาแล้ว ก็จะไม่ทราบเลยว่า ธรรมใดเป็นคำสอนที่แท้จริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และธรรมใดไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น จึงต้องศึกษาและพิจารณาโดยละเอียดรอบคอบจริงๆ

~ ต้องศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโดยละเอียด เรื่องของตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้

~ ถ้าคำสอนใดเป็นเรื่องที่จะทำให้เกิดสติปัญญา สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏยิ่งขึ้น ถูกต้องยิ่งขึ้น นั่นคือคำสอนที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่น ให้เชื่ออย่างอื่น ให้เข้าใจผิดอย่างอื่น ให้พึ่งอย่างอื่น ให้กระทำอย่างอื่น ซึ่งไม่ใช่หนทางที่จะทำให้รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ นั่นไม่ใช่คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ กายก็เป็นธรรม เวทนาก็เป็นธรรม จิตก็เป็นธรรม เสียงก็เป็นธรรม กลิ่นก็เป็นธรรม สภาพที่มีจริงๆ ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ไม่มีอะไรที่จะพ้นจากธรรม

~ อนัตตาหมายถึงสภาพธรรมแต่ละอย่าง แต่ละชนิด สภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด ทุกชนิด ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน

~ เสียงเป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วดับไป นั่นคือ “อนัตตา” ความหมายที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะเมื่อมีเหตุปัจจัยให้เกิดเสียงอย่างไร เสียงนั้นก็เกิดขึ้น

~ ความเห็นผิด เป็นอกุศลธรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งพัดไป ทำให้ไม่กลับมาสู่ความเห็นถูก เพราะฉะนั้น เป็นอันตรายมาก ถ้ามีความเห็นผิดเพียงเล็กน้อย แล้วจะทำให้ความเห็นผิดนั้น พาไปสู่ความเห็นผิดที่มากขึ้นและลึกขึ้น ก็ยากแก่การที่จะละ

~ ทุกคนหลากหลายเพราะอะไร ไม่เหมือนกันเพราะอะไร พี่น้องกี่คนๆ ก็ไม่เหมือนกัน เพื่อนฝูงหรือชาวโลกไม่ว่าจะประเทศไหน ทวีปไหนก็เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ตามการสะสม ตามเหตุตามปัจจัย บางคนโลภมาก บางคนโกรธมาก บางคนขยันมาก บางคนเมตตามาก ก็แล้วแต่การสะสม

~ ตราบใดที่ยังไม่ละทิ้งความเห็นผิดให้หมดสิ้น และยังไม่อบรมเจริญความเห็นถูกขึ้น ผู้นั้นก็จะต้องวนเวียนไปในสังสารวัฏฏ์ โดยที่ว่าไม่มีกาลกำหนดได้ ว่าเมื่อใดจึงจะพ้น

~ ธรรมไม่เว้นเลยในชีวิตประจำวัน แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม

~ ธรรม หลากหลายมาก เกิดแล้วดับ ไม่กลับมาอีกเลย

~ ฟังธรรม เพื่อเข้าใจ หรือ เพื่อเราจะได้เข้าใจ? (ฟังธรรม เพื่อเข้าใจ)

~ ธรรม จริง ธรรมที่เป็นกุศลจะไปกล่าวว่าเป็นกุศล ไม่ได้ ธรรมก็เป็นธรรม กุศลเป็นกุศล กุศลเป็นกุศล

~ ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจในเหตุในผล อกุศลเป็นอกุศล เป็นโทษ กุศลเป็นกุศล ไม่เป็นโทษ ถ้าเข้าใจอย่างนี้แล้วก็น้อมไปที่จะละอกุศล และเจริญกุศลยิ่งขึ้น ไม่ใช่ยังเป็นผู้ที่แข็งกระด้าง ว่ายาก ไม่ว่าพระธรรมจะว่าอย่างไร แต่ใจยังต้องการที่จะเป็นอกุศลต่อไปอีก ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากการฟังพระธรรม

~ พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ

~ มี พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสรณะ โดยเชื่อในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และในพระมหากรุณาคุณที่ทรงแสดงธรรม เพราะได้ทรงตรัสรู้ธรรมด้วยพระองค์เอง นี่เป็นที่พึ่งจริงๆ ที่จะให้พ้นทุกข์ได้จริงๆ โดยที่ปัญญาค่อยๆ เกิดขึ้นจนสามารถจะเข้าใจในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง และมีความมั่นคงในการที่จะประพฤติปฏิบัติตาม นี่จึงจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง

~ การฟังพระธรรมก็เหมือนกับการเกิดใหม่ก็ได้ เพราะเหตุว่าการเกิดก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม ไม่มีโอกาสจะได้เข้าใจสภาพธรรมเลย ปรมัตถธรรมเป็นอย่างไร ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นอนัตตาอย่างไร เพราะฉะนั้น แม้ในการที่ได้ฟังพระธรรมก็เหมือนกับเป็นการเกิดใหม่ ที่จะทำให้จิตใจน้อมไปในทางที่เป็นกุศลเพิ่มขึ้น เพื่อที่จะละคลายอกุศลที่ผิดจากก่อนที่จะได้ฟังพระธรรม

~ พระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง ทำให้พ้นจากอกุศล พ้นจากความเดือดร้อน และทำให้สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงเพิ่มขึ้น ละเอียดขึ้น

~ เมื่อมีความเข้าใจถูก คำพูด ถูก คิดถูก ทำถูก แต่ถ้าเข้าใจผิด คำพูดก็ผิด ทำผิด คิดก็ผิด

~ คุณสมบัติของผู้ฟัง คืออะไร? เดี๋ยวนี้เอง ตั้งใจฟัง นี่เป็นเหตุที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ต้องเรียกก่อน ถ้าไม่เรียกคิดอะไรกันบ้างแล้วถ้าพระผู้มีพระภาค ตรัสโดยไม่เรียก ผ่านไปกี่คำ เมื่อกี้คิดอะไรก็ไม่รู้ แล้วเพิ่งมาได้ยินคำท้ายๆ บ้าง คำกลางๆ บ้าง แล้วจะเข้าใจได้ไหม เพราะฉะนั้นทุกคำในพระไตรปิฎก ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ มีค่า ที่รู้ว่าพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงธรรมโดยการที่ว่า ตรัสเรียก เพื่ออะไร? เพื่อให้รู้สึกตัว ให้รู้ว่าขณะนี้พระองค์จะตรัสคำที่ควรแก่การฟัง

~ พาลที่ร้ายกาจที่สุดคือความเห็นผิด เพราะเหตุว่าคำพูดทุกคำเป็นคำเท็จ ไม่ใช่คำจริง เพราะฉะนั้นวาจาจริง ไม่ใช่พาล ไม่ได้เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน แต่อนุเคราะห์ให้ได้เข้าใจถูกเมื่อได้พิจารณาว่าถูกหรือเปล่าจริงแค่ไหน เพราะว่าความจริงต้องเป็นความจริงตลอด จะเป็นเท็จไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ได้เบียดเบียน ไม่ใช่พาล แต่คำไม่จริงต้องเป็นพาลแน่ เพราะเหตุว่าทำให้เกิดความเข้าใจผิด

~ ตราบใดที่คบคุ้นเคยกับพาลมีหรือที่จะไม่เป็นอย่างนั้น ไม่อาจหาญที่จะรู้ว่าอะไรถูกอะไรผิดแล้วทิ้งส่วนที่ผิดทันที เพราะเหตุว่าถ้าไม่ทิ้งทันทีโอกาสที่จะเสพคุ้นย่อมเพิ่มขึ้นแล้วก็ยิ่งละลำบากมากขึ้น

~ ใครจะเป็นอย่างไร มีความคิดเห็นอย่างไรกระทำทุจริตแค่ไหนระดับไหน ใจของเราไม่ขุ่นข้อง แต่ถ้าใจเราขุ่นข้อง ขณะนั้นก็เป็นพาลอีกเหมือนกัน เรานั่นแหละที่เป็นพาล

~ ใครเขาไม่ดี ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่ว่าเราจะไปไม่ดีตามเขา

~ มีคนดี คนไม่ดี ก็เพราะมีธรรมเกิดขึ้นเป็นไป คือ กุศลธรรม กับ อกุศลธรรม

~ ไม่ใช่ไปรังเกียจคนนั้นคนนี้ซึ่งไม่ดี แต่ควรรังเกียจอกุศลธรรมที่มีในตนเอง.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๓๒

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 7 ม.ค. 2561

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย กราบอนุโมทนากุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์และอาจารย์วิทยากรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
thilda
วันที่ 7 ม.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nualchan.deesawat
วันที่ 7 ม.ค. 2561

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 7 ม.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
tuijin
วันที่ 7 ม.ค. 2561

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Patchanon
วันที่ 8 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
panasda
วันที่ 8 ม.ค. 2561

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
siraya
วันที่ 8 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
worrasak
วันที่ 8 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
jaturong
วันที่ 8 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
ประสาน
วันที่ 9 ม.ค. 2561

การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
p.methanawingmai
วันที่ 10 ม.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
kukeart
วันที่ 10 ม.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
chatchai.k
วันที่ 4 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ