ตัณหาทาโส
ฟังธรรมเพื่อเข้าใจ อาจหาญ ร่าเริง โลภะใครห้ามได้ แต่ปัญญารู้จักโลภะจึงละโลภะได้ ปัญญาสามารถเห็นว่าโลภะแค่เกิดขึ้นแล้วดับ
ตัณหาทาโส ทุกคนเป็นทาสของโลภะ ทั้งๆ รู้ว่าโลภะไม่ดีแต่ยอมเป็นทาสต่อไป เพราะโลภะ ตามใจทุกอย่าง ถ้าไม่ใช่ปัญญา ก็ถูกล่อลวงไปด้วยโลภะประการต่างๆ
เป็นปกติ แล้วแต่ปัญญาจะเข้าใจอะไร ไม่เจาะจง เป็นอนัตตา
เป็นเรามานานแสนนาน แต่อาศัยพระธรรมและเป็นผู้มีปกติรู้ทันโลภะ เข้าใจจริงๆ ว่าต้องเป็นปัญญาที่ดับโลภะ ค่อยๆ เข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อยด้วยความมั่นคง
ประโยชน์อยู่ที่ผู้ฟังธรรมแล้วไตร่ตรอง
รู้ไม่ได้ด้วยความอยาก แต่ห้ามอยากไม่ได้ แต่ปัญญาสามารถเข้าใจว่าอยากคืออยาก อยากเกิดแล้วก็ดับ
เห็นสิ่งที่ปรากฏ แล้วคิดในสิ่งที่เห็น ขณะตื่นคิดตามที่เห็น ขณะฝันคิดตามสัญญาเจตสิกที่จำไว้ เห็นความเป็นอนัตตาไหม? ทั้งหมดเป็นธรรมะ เป็นอนัตตา
ตราบที่ยังไม่รู้ความจริง ขณะนี้เหมือนฝัน ฝันว่ายังมีเรา ไม่มีแท้ๆ เลย มีแต่สิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับไม่เหลือ ยังฝันว่ามีเรา ยังฝันยังไม่ตื่น ตื่นเมื่อไหร่จึงรู้ว่านั่นคือฝัน เมื่อได้ฟังพระธรรมจึงรู้ว่าไม่มีเรา
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรมที่ไม่เกิดแต่มีจริง คือ นิพพาน สภาพธรรมที่ดับตัณหา ดับกิเลสที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ตัณหาทาโส ยังคงเป็นทาสของตัณหาจนกว่าจะดับตัณหาได้
ในบรรดาธรรมที่เกิดทั้งหมด ปัญญา ประเสริฐที่สุด
สนทนาธรรม พุทธคยา ๒ ก.พ. ๖๑
กราบบูชาคุณและอนุโมทนาในคุณความดีของท่านอ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคณะวิทยากร
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด เพราะเราไม่เคยรู้ตัวเลยว่า..เราเป็นทาสของโลภะตั้งแต่เกิดจนตาย...
แค่จิตเกิดดับสามขณะหลังจิตเห็นดับ... กามอาสวะเกิดแล้ว ติดข้องในสิ่งที่ปรากฏทันที
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ ค่ะ