โอกาสที่ประเสริฐที่สุดในแต่ละชาติ ที่ บ้านธัมมะ ลำพูน 21 ก.พ. 2561
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
ที่บ้านธัมมะ ลำพูน
วัน พุธ ที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
~ ความเพียร ก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ เพราะไม่รู้ และไม่เห็นความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงไม่สามารถที่จะรู้คำของพระองค์โดยที่ไม่ได้ศึกษาโดยละเอียดให้เข้าใจถูกต้อง
~ ไม่ต้องไปหาธรรมที่ไหนเลย เดี๋ยวนี้ที่มีจริง ทั้งหมด เป็นธรรม
~ ฟังธรรมไปเถิด ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มี ขณะนั้นก็มีความเพียร เพราะฉะนั้นแทนที่จะเพียรอย่างอื่น ก็เพียรเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง
~ มี เมื่อเกิดขึ้น แต่เมื่อดับไปก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิม เหมือนเดิมที่ไม่เคยมี เป็นอย่างนี้มานานแล้วในสังสารวัฏฏ์
~ เพียรที่จะเข้าใจให้ถูกต้องตามความเป็นจริง มีประโยชน์ไหมหรือจะหลงอยู่ต่อไปในสังสารวัฏฏ์?
~ ฟังธรรมแล้ว จึงรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเมื่อเข้าใจ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา (คือ เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)
~ โอกาสที่หายากอย่างยิ่ง คือ ฟังพระธรรม เพราะไม่มีใครรู้ว่าชาติก่อนเกิดเป็นอะไร และชาติต่อไปจะเกิดเป็นอะไร แม้แต่ขณะต่อไป จะเกิดอะไร ทุกคนเหมือนกับอยู่ในโลกนี้ แต่จะอยู่นานสักเท่าไหร่ บางคนออกจากบ้านไปทำธุระก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะออกจากบ้านหรืออยู่ในบ้านหรืออยู่ที่ไหนก็ตาม ก็ไม่รู้ว่าขณะต่อไปจะเป็นอะไร แล้วจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกหรือไม่ เพราะฉะนั้น โอกาสที่ประเสริฐที่สุดในแต่ละชาติ คือ ความเข้าใจพระธรรม ทรัพย์สินเงินทองก็นำไปไม่ได้ รูปร่างทุกสิ่งทุกอย่างติดตามไปไม่ได้เลย แต่ว่าความเข้าใจธรรมที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นค่อยๆ สะสมจนสามารถที่จะถึงเวลาที่สภาพธรรมจะปรากฏกับปัญญาที่สามารถเข้าใจธรรมนั้นได้ เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด
~ ถ้าฟังแล้ว ไม่คิด ไม่ไตร่ตรองจะเข้าใจไหม ผ่านหูไปเลย จะเข้าใจได้อย่างไร แต่ว่าคนที่จะเข้าใจได้มาก เพราะฟังมามาก เข้าใจมาก เพราะฉะนั้น เวลาที่ฟังอีกได้ยินอีก ความเข้าใจที่มีมากนั้นไม่ได้หายไปไหน เมื่อวานได้ฟัง วันนี้ได้ฟังอีก ก็ทำให้เข้าใจเพิ่มขึ้นจากการที่เราได้ยินซ้ำอีก เพราะฉะนั้น เราจะขาดการฟังได้ไหม
~ ชาติหนึ่งๆ ก็คือการเกิดดับสืบต่อของจิต เป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ เมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ จิตก็ไม่ได้สิ้นสุด เพราะมีจิตเกิดดับสืบต่อ แต่เป็นบุคคลใหม่ตามกรรมเป็นปัจจัยให้เกิดขึ้น
~ จิต ไม่มีรูปร่าง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีเสียง แต่เป็นธาตุที่รู้
~ จิตเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ฟังกี่ครั้งแล้ว ซึ่งไม่พอเลย เห็นไหมว่าถ้าขาดการฟัง ลืมสนิท แต่ฟังเมื่อไหร่ก็ค่อยๆ เตือน ซึ่งถ้าฟังไปบ่อยๆ แม้ไม่ได้ยินไม่ได้ฟังในขณะนั้นก็ยังมีการระลึกถึงธรรม (ที่ได้ยินได้ฟัง) ได้ ซึ่งเป็นธรรมทั้งหมด
~ กุศลที่เกิดแล้ว สะสมสืบต่อในจิตขณะต่อไป ทำให้แต่ละบุคคลมีอัธยาศัยต่างกันตามประเภทที่สะสม อย่างคนที่สะสมการให้ทาน เขาจะคิดถึงเรื่องทาน ทั้งวันเลยมีแต่เรื่องทาน (การให้) เพราะสะสมมาที่จะเป็นอัธยาศัยอย่างนี้ แต่บางคนสะสมอัธยาศัยของการฟังธรรม เรื่องอื่นเขาจะสนใจน้อยกว่า แต่พอถึงเวลาฟังธรรม จะมีความสนใจที่จะมีการสะสมความเข้าใจธรรมจากการฟัง
~ จะต้องจากโลกนี้ไป จากทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่เหลืออีกเลย
~ เห็นคุณค่าอย่างยิ่งจากการที่ไม่รู้ เป็นรู้ได้ จากคำที่มาจากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โอกาสของการฟังพระธรรมก็ไม่แน่ว่าจะนานเท่าไหร่ จะมากหรือจะน้อย แต่ทุกครั้งที่ได้ฟังประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ก็คือ ได้เข้าใจความจริง
~ มีสำนักปฏิบัติ ผิดไหม? ผิดมากเลย เพราะเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
~ อะไรที่ผิด ก็ต้องบอกว่าผิด (เพื่อคนอื่นจะได้ไม่หลงผิดตามไป)
~ จิต ไม่ดี ไม่ชั่ว จิตเพียงรู้แจ้ง ใครจะแย่งหน้าที่จิตไม่ได้ เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) ก็ไม่ได้มารู้แจ้งอย่างจิต จิตกำลังรู้แจ้งสิ่งที่ปรากฏ และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วยแต่และหนึ่งก็กระทำกิจของตน สลับกันไม่ได้ แย่งหน้าที่กันไม่ได้ จำ เกิดขึ้นจำเท่านั้น ไม่สามารถเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่ปรากฏได้
~ ข้อสำคัญ คือ เดี๋ยวนี้ เป็นธรรม จะเข้าใจธรรม ก็คือเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้
~ เข้าใจเมื่อไหร่ ขณะที่เข้าใจนั้นเองที่กำลังละคลายความไม่เข้าใจ
~ เพราะไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง จึงมีความติดข้องในสิ่งที่ปรากฏ
~ ถ้ายังมีความไม่รู้ ก็ยังเป็นเหตุให้กิเลสทั้งหลายประการต่างๆ เกิดร่วมกับความไม่รู้
~ ถ้าไม่มีความตรงต่อความเป็นจริงของธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจความเป็นจริงของธรรมได้เลย
~ ไม่มีเรา แม้แต่ความเข้าใจ ก็ต้องเกิดจากการฟัง เข้าใจในสิ่งที่ได้ฟัง
~ ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของของใครด้วย
~ พระพุทธศาสนา ถ้าไม่มีใครเข้าใจ ก็ไม่สามารถดำรงต่อไปได้ ความเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่จะดำรงพระพุทธศาสนาต่อไปได้
~ พระพุทธศาสนา อันตรธานคือสูญสิ้นแล้ว จากผู้ที่ไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด
~ รู้น้อย ไม่เห็นเป็นไร ดีกว่าอยากไปรู้มากๆ ซึ่งเป็นกิเลส (อยาก เป็นโลภะ เป็นกิเลส)
~ เป็นบุคคลนี้เพียงชาตินี้ พอพ้นจากความเป็นบุคคลนี้แล้วไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีกแต่สิ่งที่สะสมอยู่ในจิตไม่สูญหายไปไหน
~ ความเข้าใจธรรม สะสมอยู่ในจิตทุกขณะ ไม่สูญหายไปไหน เมื่อเกิดในภพใหม่ ถ้าหากได้ฟังพระธรรมอีก ความเข้าใจก็จะเพิ่มขึ้น
~ ถ้าจิตขณะนี้ยังไม่ดับ จะมีจิตขณะต่อไปเกิดไม่ได้ เพราะไม่มีจิตเกิดซ้อนกันสองหรือสามขณะ
~ ฟังพระธรรม เพื่อเข้าใจในความเป็นจริงของธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นเรา เพราะแท้ที่จริงแล้ว มีแต่ธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น
~ บังคับไม่ให้โกรธได้ไหม บังคับไม่ให้เห็น ได้ไหม นี่คือความเป็นอนัตตา ซึ่งบังคับบัญชาไม่ได้
~ ไม่มีใคร มีแต่ธรรม คิดเป็นคิด เห็นเป็นเห็น ไม่มีใครเลย
~ ไม่มีเรา ไม่ใช่เราตั้งแต่ต้น เพราะมีแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดดับเท่านั้น
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นวาจาสัจจะซึ่งใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ทั้งพระธรรมและพระวินัย
~ เบิกบานที่ได้เข้าใจความจริง ไม่หลงไปในทางที่ผิด
~ ปัญญานำไปสู่กิจของกุศลทั้งปวง ไม่ได้นำไปสู่อกุศลเลย
~ ได้เห็นคนเบียดเบียนกันถึงกับสิ้นชีวิต น่าสลดใจไหม ฆ่าได้ คนฆ่าคนได้ คิดดู เพราะฉะนั้น ก็จะรู้ได้ว่า เพราะอะไรจึงฆ่า ฆ่าด้วยกำลังของกิเลสใช่ไหม มีความรุนแรงจนกระทั่งสามารถที่จะทำร้ายชีวิตได้ แค่ทุบตีนิดหน่อยก็ยังเป็นกิเลสที่ปรากฏว่าไปทำให้คนอื่นเดือดร้อน แต่นี่ถึงกับไม่ให้เขามีชีวิตต่อไป เพราะฉะนั้น เห็นการกระทำอย่างนั้นแล้ว คนที่สะสมมาที่จะเห็นโทษ ก็ไม่ฆ่าอะไรอีกเลย เพราะขณะนั้น เห็นโทษ เห็นภัยจริงๆ บุคคลนั้นเห็นโทษจริงๆ แล้วสมาทานคือถือเอาเป็นข้อประพฤติปฏิบัติในทางกุศลต่อไป ไม่ทำอกุศล
~ คนที่เคยไม่ระวังเรื่องคำพูด พูดจาฟังไม่ได้เลย รู้ไหมว่าขณะนั้นคนฟังเดือดร้อน คนพูดไม่คิดเลย มีกำลังของกิเลสที่จะพูด แต่ไม่รู้ว่าคนอื่นเดือดร้อนเพราะคำนั้น
~ ใครบ้างชอบคำไม่จริง ไม่มีใครชอบ แล้วคนนั้นไปพูดคำไม่จริงให้คนอื่นได้ยินให้เขาเข้าใจผิดสมควรหรือ ในเมื่อเราเองก็ยังไม่ชอบเลยเมื่อมีใครมาพูดคำไม่จริงกับเรา
~ กุศลธรรมกล้าที่จะทำสิ่งที่ดี ละอายที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี ไม่กล้าที่จะทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะเห็นโทษของสิ่งที่ไม่ดี
~ ฟังธรรมแต่ละคำแล้วเข้าใจขึ้น แล้วจะฟังต่อไป นั่นคือ สมาทานคือถือเอาเป็นข้อประพฤติปฏิบัติที่จะฟังพระธรรมต่อไป
~ ทุกอย่างที่จะเกิด เกิดตามเหตุตามปัจจัย ถ้าเป็นเหตุที่ดี ก็ต้องนำผลที่ดีมาให้ ถ้าเหตุที่ไม่ดี จะนำผลที่ดีมาให้ได้อย่างไร แค่นี้ ในชีวิต ทำดี เพราะรู้ว่าจะเกิดอีกนานในสังสารวัฏฏ์ แล้วจะเป็นอะไรแล้วแต่การสะสม เพราะฉะนั้น คนต่อไปไม่ใช่คนนี้ แต่สืบต่อจากคนนี้ จะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่คนนี้ในชาตินี้ จะเห็นผิด ก็สะสมความเห็นผิดต่อไปในชาติหน้า ดีไหม (ไม่ดี) อันตรายแค่ไหนของความเห็นผิด เป็นตอของสังสารวัฏฏ์ ออกไปไม่ได้เลย
~ การสนทนาธรรมเป็นมงคล นำมาซึ่งความเจริญในความเข้าใจถูกต้อง ซึ่งสามารถที่จะทำให้ชีวิตเจริญในทางกุศลเพิ่มขึ้น มิฉะนั้นแล้วก็จมอยู่ในอกุศลลึกลงไปทุกวัน
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
- พระพุทธศาสนาประจำใจ_ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรมที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑
- วิกฤตพระพุทธศาสนากับประเทศชาติ...ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรมที่โรงแรมเชียงใหม่ฮิลล์ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑
- เมื่อเข้าใจถูก ย่อมทำถูก...ประมวลสาระสำคัญ จากการสนทนาธรรมที่บ้านธัมมะ ลำพูน ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๑
- ชีวิตสั้นมาก ไม่มีอะไรมีค่าเท่ากับความเข้าใจธรรม - ที่บ้านธัมมะ ลำพูน ๒๒ ก.พ. ๒๕๖๑