เสพคุ้นกับคำที่มีค่าที่สุด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
ที่บ้านคุณวิศิษฐ์-คุณสุกัญญา เพื่อนชอบ
วันพุธที่ ๒๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
-----------------------
~ โอกาสที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต คือ มีโอกาสได้เข้าใจความจริง ที่ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เอง ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ถ้าเข้าใจแล้ว ก็จะรู้ได้เลยว่าในชาตินี้มีโอกาสที่จะได้เข้าใจสิ่งซึ่งถูกปกปิดไว้ และน้อยคนที่จะได้เข้าใจ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ละเอียดและลึกซึ้งอย่างยิ่ง ฟังเพื่อเข้าใจสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อนซึ่งลึกซึ้งมาก
~ ปัญหา เกิดจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งคนเกิดมาแล้วก็มีแต่ปัญหา แต่เขาจะไม่รู้เลยว่า ปัญหาทั้งหมดแก้ไม่ได้เลยเพราะหมักหมมมานานในชีวิตในสังสารวัฏฏ์ ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ทำอะไรไม่ได้เลยกับธรรมที่สะสมมาที่จะต้องเป็นไปตามที่เป็น แต่ว่าถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง หนทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาทุกปัญหาได้ เพราะทุกปัญหาไม่ว่าจะเป็นปัญหาของใครในครอบครัว ที่ทำงานหรือที่ไหนก็ตาม แต่เขาไม่เข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ มีค่าที่เพียงฟังเข้าใจ ปัญหาร้อนๆ ทั้งหลาย เราก็จะรู้ว่ามีหนทางที่จะแก้ได้ แต่ก็หมักหมมมาตั้งนาน แก้ทีเดียวคงยาก นอกจากคนที่เป็นเจ้าของปัญหาทุกคนต้องร่วมมือกันแก้ แก้คนเดียวคงแก้ไม่ได้ ถ้าทุกคนได้เห็นประโยชน์จริงๆ ว่า ทุกคนมีปัญหา เกิดมาแล้วไม่ใช่ว่าจะไม่มีปัญหา แล้วก็ร้อนทั้งนั้น ปัญหาเด็กก็ร้อนสำหรับเด็ก ปัญหาการเมืองปัญหาทุกอย่าง ร้อนหมด แต่ว่าถ้าสามารถที่จะช่วยกันแก้ด้วยความเห็นที่ถูกต้องว่า อะไรถูกอะไรผิด คงค่อยๆ แก้ ปัญหาก็ลดลง ถ้าหลายคนได้ฟังพระธรรมแล้ว รู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด แล้วต่างคนต่างทำสิ่งที่ถูกต้อง ก็หมดปัญหา
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นไปเพื่อปัญญาทั้งหมด เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ไม่เหมือนคำของใครทั้งสิ้น เพราะคำของคนอื่น บอกให้ทำ อธิบายกันไป สอนกันไป แต่ไม่ได้ทำให้เข้าใจอะไรเลย เพราะฉะนั้น ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คำของพระองค์ ทำให้เกิดความเห็นที่ถูกต้อง แสดงโทษของอกุศลธรรม และรู้ว่า ธรรม (สิ่งที่มีจริง) ไม่ใช่เรา
~ ขณะที่เว้นจากความชั่ว ต้องเป็นธรรมฝ่ายที่เป็นกุศล และกุศลนั้น จะเกิดจากอะไร จะเอากุศลอะไรมาเว้น ถ้าไม่มีความเข้าใจ
~ ถ้าไม่ฟังธรรมเลย ชั่วไหม? ก็ไม่รู้ แต่พอฟังธรรม ก็รู้ว่า ธรรมก็เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ อกุศลธรรม มีมาก เมื่อไม่รู้ และ กุศลธรรม ก็เริ่มมีมากขึ้น เมื่อรู้
~ วันนี้ก็ฟังธรรม นาน เมื่อวานนี้ก็ฟังนาน ฟังมาก็นาน แต่ยังไม่เท่าความนานของการสะสมความไม่รู้ เพราะฉะนั้น คงไม่ต้องพูดถึงว่านานเท่าไร ก็ต้องเข้าใจไปเรื่อยๆ
~ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็รู้ว่าหนทางที่ถูกนั้นเป็นอย่างไร ก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น แต่ก่อนนี้ เพราะไม่รู้ เราก็ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่พอมีความเข้าใจที่ถูกต้อง รู้หนทางที่ถูกต้อง เราก็ทำสิ่งที่ถูกต้อง ปัญญาเห็นชอบ เห็นถูกต้องตามความเป็นจริง แล้วก็ยังมีความหวังดีอนุเคราะห์ต่อคนอื่นให้เขาได้มีโอกาสได้เข้าใจธรรมด้วย ประโยชน์ยิ่งใหญ่ คือ ให้คนอื่นสามารถได้ประโยชน์จากการฟัง จะน้อยจะมากอย่างไรก็ตามแต่ ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา แต่จากการที่ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ ทั้งหมดในพระไตรปิฎก เมื่อเข้าใจแล้วก็ยิ่งจะทำให้บุคคลนั้นเพิ่มความอดทนขึ้น แม้ในชีวิตประจำวัน ก็รู้ว่าถ้าไม่อดทนก็เป็นอกุศล และถ้าขณะที่เป็นอกุศลมีมากขึ้นๆ จะสามารถรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ก็ต้องขัดเกลาตั้งแต่ในเบื้องต้น ที่จะต้องมีความอดทนต่อทุกอย่าง
~ เราจะหวังดีให้คนอื่นได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะถ้าเขายังไม่มีความเข้าใจ อย่างไรก็ไม่ใช่บุญ ไม่เข้าใจ จะเป็นบุญได้อย่างไร
~ มีฉันทะ (พอใจ) ที่จะฟังธรรม เพราะรู้ว่าธรรม ยาก จึงฟังเพื่อจะได้เข้าใจขึ้น กับ ยากแล้วไม่ฟัง ก็ต่างกันแล้ว
~ ร้อน แต่บอกว่า ไม่ร้อน แล้วจะตรงได้อย่างไร
~ ไม่ควรที่จะให้อกุศลธรรมเจริญ (เกิดมากขึ้น)
~ เบิกบานที่ได้เข้าใจถูก ไม่หลงผิด
~ สำนักปฏิบัติธรรม สำนักวิปัสสนาทั้งหลาย ทำลายพระพุทธศาสนา ทำลายคำสอนหมดเลย ไม่ทำให้รู้ความจริง
~ ไม่มีใครทำให้ใครเดือดร้อนได้ นอกจากกิเลสของผู้นั้นเอง
~ คนที่เผยแพร่ความเห็นถูก ยังสามารถที่จะทำให้คนเห็นผิดมีความเข้าใจถูกได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์
~ น่าอัศจรรย์ จากที่เคยมีความเห็นผิด แล้วเป็นผู้มีความเห็นถูก เราจึงพูดสิ่งที่ถูกต้อง เท่าที่เราสามารถจะพูดได้
~ ไม่ขาดสิ่งที่ปรากฏ แต่ไม่รู้สิ่งที่ปรากฏ เพราะไม่มีปัญญา
~ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปัญญาก็สามารถที่จะรู้ได้ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา
~ เราทุกคน จะประมาทกิเลสไม่ได้เลย
~ ที่เราสะสมการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจธรรมไว้ อย่าคิดว่า กิเลส จะไม่สามารถมาได้ กิเลสจะมาในรูปแบบไหนได้ทั้งหมด เรียกว่าประมาทไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น เราเพียงแต่เตรียมสิ่งที่เป็นเสบียงไว้สำหรับที่ว่าจะมีอะไรมาเผชิญ ก็สามารถที่จะมีสิ่งที่มีนั้นขึ้นมาต่อสู้ได้ (กำลังกุศลต้านทานกำลังของอกุศล) ถ้าเราประมาท ไม่ฟังพระธรรมเลย ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย แล้วชีวิตจะเป็นอย่างไร ถึงแม้เราจะฟังพระธรรม ก็ประมาทกิเลสไม่ได้เลย ชาติไหน วันไหน จะยิ่งกว่านี้ก็ได้ (คือ อาจจะทำสิ่งที่ไม่ดี ยิ่งกว่าที่ทำในขณะนี้ ก็ได้)
~ เราคุ้นเคยกับอารมณ์ที่เราคุ้นเคยในสังสารวัฏฏ์นานเท่าไหร่ แล้วความคุ้นเคยกับคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า น้อยแค่ไหน? เราทุกคนเป็นบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ฟังคำของพระองค์ ยิ่งกว่าพ่อแม่ชาติไหน ที่สอนจนกระทั่งให้เกิดปัญญาได้ จนกว่าเราจะเห็นค่า จนเราขาดไม่ได้ (ขาดการฟังคำจริงไม่ได้)
~ เสพคุ้นกับคำที่มีค่าที่สุด ที่รู้ว่า นี่คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งคำอื่นไม่เหมือน คำอื่นไม่สามารถที่จะทำให้เราเกิดปัญญาได้ ไม่มีค่าเสมอเหมือนแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเราฟังมากขึ้นๆ แต่ละคำจะทำให้เราคิด ไตร่ตรอง เห็นค่า และไม่ประมาท.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ...