บูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
khampan.a
วันที่  1 มี.ค. 2561
หมายเลข  29531
อ่าน  1,889

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น




ประมวลสาระสำคัญของการสนทนาธรรม

เนื่องในวันมาฆบูชา
ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
วันพฤหัสบดีที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๑



~ การเข้าใจธรรม เป็นการบูชาสูงสุด ที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้สืบทอดต่อไปได้ เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจหรือเข้าใจผิด ก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา

~ ไม่มีใครสามารถที่จะห้ามไม่ให้สภาพธรรมเกิดได้เลย ไม่ว่าสภาพธรรมนั้นจะเป็นสภาพธรรมอะไรก็ตาม ด้วยเหตุนี้ ขณะนี้ เว้น ไม่กระทำบาปในขณะที่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น กุศลทั้งหมด เว้นจากบาป

~ ปกติในชีวิตประจำวัน ก็เป็นอกุศล แต่เว้นบาป เมื่อกุศลจิตเกิด เพราะฉะนั้น ขณะใดที่กุศลไม่เกิด ขณะนั้นไม่ได้เว้นบาป เพราะว่า อกุศลก็ยังเกิด ด้วยเหตุนี้ประมาทอกุศลไม่ได้เลย สะสมมามาก ก็ต้องเป็นไปตามการสะสม จนกว่ากุศลจะเกิดแม้เพียงเล็กน้อย เพราะฉะนั้น ทำความดีให้ถึงพร้อม ประมาทได้ไหม? แม้กุศลเล็กน้อยขณะนั้นเกิดแล้ว อกุศล ไม่เกิด ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เห็นประโยชน์ ของกุศลธรรม จึงไม่ประมาทแม้กุศลเพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะทางกาย ทางวาจา หรือทางใจ แต่ถ้าไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่า ขณะนั้น ไม่ใช่เรา

~ การที่จะชำระจิตให้บริสุทธิ์จากความเศร้าหมอง คือ กิเลสทั้งหลายได้ ก็มีหนทางเดียว คือ เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ

~ คำพูดที่ทุกคนพูดเสมอคือ " ไม่ทำชั่ว " แต่ว่าคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั้น ไม่ทำ หมายความว่า ไม่ใช่เราที่ไม่ทำ (แต่เป็นธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้น ไม่ทำชั่ว) เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระองค์ จะต้องมีความจริงที่แสดงให้เห็นถึงความเข้าใจว่าต่างจากคำของคนอื่น

~ เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจากโลกนี้ไป อะไรก็ไม่สามารถจะติดตามไปได้เลย ทรัพย์สมบัติหรือว่าร่างกาย ก็ไปไม่ได้ แต่ว่า ความเข้าใจถูกความเห็นถูก ที่ค่อยๆ สะสม โดยความไม่ประมาท จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น

~ มีศรัทธา มีความจริงใจที่จะเห็นคุณประโยชน์ของการเข้าใจความจริงว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมี (ความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ทรงตรัสรู้ ทรงแสดงธรรมซึ่งทำให้สัตว์โลก ได้พ้นจากความเห็นผิดและได้เกิดความเห็นถูกจนสามารถที่จะดับกิเลสได้ มากเพียงใด และจะเป็นไปต่อไปได้ ถ้าไม่ละเลยคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็ค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ การสนทนาธรรมเป็นมงคลอย่างยิ่ง เพราะทำให้สิ่งซึ่งเคยเข้าใจผิด ได้เข้าใจถูก เมื่อเป็นผู้ที่พิจารณาไตร่ตรองและเป็นผู้ที่ละเอียด

~ เมื่อไม่มีความรู้ อกุศล ความไม่รู้ มากไหม? มาก, นำมาซึ่งความติดข้องมากไหม? มาก, เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่อยากให้เป็น โทสะกิเลส ก็เกิดขึ้น มีการประทุษร้ายด้วยโทสะ มาจากไหน? แต่ถ้ามีความรู้ จะละเว้นไหม? ช่วยโลกหรือเปล่า? การทุจริตต่างๆ มาจากไหน มาจากความไม่รู้ มาจากความคิดว่ามีเรา เพราะฉะนั้น ก็มีแต่ความอยากได้ เท่าไหร่ไม่พอ สามารถที่จะเบียดเบียนคนอื่น ประทุษร้ายคนอื่นได้แม้คนยากไร้ นั่น มาจากความไม่รู้ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ถ้าสามารถที่จะมีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว บาปกรรมทั้งหลายที่มี ก็จะลดน้อยลง ตามระดับขั้นของความเข้าใจตามเหตุปัจจัยที่จะเกิดขึ้น โลกจะสงบกว่านี้ไหม ไม่มีการฆ่า ไม่มีการเบียดเบียน ไม่มีการทุจริตต่างๆ

~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุด ก็คือ การที่สามารถรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้เพราะเหตุว่า คำของพระองค์จะดำรงต่อไป ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่เข้าใจถูก ถ้าผู้ใดก็ตามไม่เข้าใจธรรมพูดไม่จริง คำไม่จริง ไม่ตรงตามความเป็นจริง คำนั้นทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ เป็นไปเพื่อการละ

~ จริงๆ แล้ว ไม่มี ถ้าไม่เกิดขึ้น แต่เมื่อมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ก็ไม่มีอีกแล้ว ถ้ารู้ความจริงอย่างนี้ ก็จะไม่ติดข้อง เพราะมีปัญญารู้ว่า จริงๆ แล้วที่เราเข้าใจว่า มี เพียงชั่วขณะที่มีเท่านั้นเอง สั้นมาก แล้วก็เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นมาเลย

~ อดทนทุกอย่างในเรื่องที่จะเข้าใจธรรมและเป็นกุศล

~ แม้แต่ความอดทน (ต่อการ) ที่จะได้ฟังคำที่ไม่น่าพอใจ ก็ไม่ได้เกิดขึ้นตามอำนาจบังคับบัญชาที่อยากจะให้มี แต่ความมั่นคงว่าธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา (ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร) ค่อยๆ มั่นคงขึ้น แล้วก็จะรู้ว่า ถ้าโกรธ ขณะนั้น ก็ไม่อดทน แต่ถ้าปัญญาสามารถที่จะรู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมที่มีจริงที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ขณะนั้น เป็นความอดทนที่ประเสริฐที่สุด

~ สังขาร (ธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย) ก็คือ ขณะนี้

~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) มีเมื่อไหร่ เดือดร้อนเมื่อนั้น กิเลสนั่นเองทำร้ายให้เดือดร้อน

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงทุกขณะ ทุกกาละ

~ การสนทนาธรรม เป็นมงคล นำความเจริญ นำความเห็นถูก นำสภาพธรรมที่ดีงาม มาสู่จิตใจ

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้งระดับไหน สมควรไหมที่พุทธบริษัทจะพร้อมเพรียงกันศึกษาให้เข้าใจให้ถูกต้อง เพื่อที่จะดำรงความถูกต้องไว้

~ โกรธเกิดแล้ว บังคับบัญชาได้ไหมไม่ให้โกรธ? ไม่ได้ นี้ก็ชัดเจนมั่นคงต่อคำว่า อนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่มีใครไปทำเลย แต่มีปัจจัยที่จะเกิดก็ต้องเกิดขึ้น แต่ก็ดีที่รู้ว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเรา แต่เป็นธรรม ข้อสำคัญที่สุด คือ ถึงความเข้าใจถูกต้อง ว่า เป็นธรรม

~ ถ้าเป็นคำที่ถูกต้องและจริง สมควรไหมที่จะให้คนอื่นได้รู้ ได้เข้าใจถูกต้อง เพราะฉะนั้น ก็สมควรอย่างยิ่ง ที่จะต้องเริ่มเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของพระธรรมและไม่ทอดทิ้ง ไม่ละเลยที่จะปล่อยให้มีการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยไม่มีการร่วมมือกันทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด สิ่งที่ทำได้ ก็คือ เผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง ให้คนอื่นได้เข้าใจอย่างถูกต้องทุกคำ จากความหวังดีของผู้ที่หวังดีที่จะให้เป็นกุศล ไม่ว่าเขาจะทำผิดด้วยประการใดก็ตาม แต่ถ้าได้ฟังแล้วคิดไตร่ตรองและทำสิ่งที่ถูกต้อง นั่น ก็จะเป็นประโยชน์ทั้งกับตนเองและคนอื่นด้วย

~ เอาความไม่รู้ไปแก้ปัญหาและสิ่งที่ผิดๆ ไม่ได้เลย หนทางเดียวก็คือว่าต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้องในพระธรรมวินัย จึงสามารถที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย เพราะฉะนั้น การเผยแพร่สิ่งที่ถูกต้อง ด้วยความหวังดี ด้วยความที่เห็นประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นแก่พุทธบริษัท ไม่ใช่เป็นการกล่าวร้ายใคร หวังร้ายใคร หรือจะทำร้ายใครเลย แต่ว่าเป็นการให้เข้าใจถูกต้อง เพื่อที่ชาวพุทธจะได้ช่วยกันดำรงพระพุทธศาสนา

~ การเป็นภิกษุต่างจากคฤหัสถ์มาก แต่ข้อหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือ ภิกษุในธรรมวินัย ไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง จึงสามารถที่จะสละเพศคฤหัสถ์ได้ คือ สละความยินดีที่จะเป็นคฤหัสถ์ที่จะรับเงินและทอง ด้วยเหตุนี้ ภิกษุใดเพียงแค่ยินดีในเงินและทอง ก็ไม่เป็นภิกษุตามพระธรรมวินัย เพราะว่ายังเป็นคฤหัสถ์ที่ยินดีในเงินและทอง แล้วถ้าถึงกับรับเงินและทอง นั่นก็ไม่ต่างจากคฤหัสถ์เลย

~ ความประพฤติที่ผิดทั้งหมด มาจากความไม่รู้ แล้วใครจะรู้ว่าไม่รู้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พระธรรมไม่ได้สาธารณะ (คือ ไม่ทั่วไป) กับทุกคน ต้องสำหรับคนที่สะสมมาที่จะเห็นคุณค่าและศึกษาด้วยความเคารพจริงๆ ที่รู้ว่าทุกคำของพระองค์ เพื่อการขัดเกลากิเลส ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิต

~ ขณะใดที่เข้าใจธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ขณะนั้น รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม? ถ้าไม่รู้คุณจะบูชาได้ไหม? เพราะฉะนั้น เมื่อรู้คุณแล้ว ทุกอย่างที่กระทำ ก็กระทำด้วยการที่จะเป็นไปเพื่อที่จะดำรงพระพุทธศาสนา ก็เป็นการบูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ความเข้าใจของทุกคนที่ตรงตามพระธรรมวินัย ก็เป็นการบูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า.



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Nataya
วันที่ 1 มี.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
สิริพรรณ
วันที่ 1 มี.ค. 2561

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนากุศลจิตการสนทนาธรรม
และ การเผยแพร่พระธรรมด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
มกร
วันที่ 1 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 1 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
panasda
วันที่ 1 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 1 มี.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
papon
วันที่ 2 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
thilda
วันที่ 4 มี.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Dechachot
วันที่ 4 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 7 มี.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ