รู้คุณของพระธรรมวินัย

 
khampan.a
วันที่  1 พ.ค. 2561
หมายเลข  29704
อ่าน  1,707

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม
ที่ โรงแรม เดอะ บัฟฟาโล อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
วันอังคารที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑







~ สิ่งแรกที่น่าสนทนา ก็คือ ให้เห็นประโยชน์ของแต่ละหนึ่งขณะในชีวิต เพราะว่าชีวิตจริงๆ ประกอบด้วยหนึ่งขณะ ถ้าไม่มีหนึ่งขณะก็ไม่ชีวิตแต่ละหนึ่งขณะเป็นชีวิต เพราะฉะนั้น การที่มีชีวิตอยู่และก็จะจากโลกนี้ไปวันไหนก็ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ได้ เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งขณะเป็นประโยชน์และมีค่าต่อเมื่อได้เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น การที่ใครก็ตามจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้นก็ต่อเมื่อฟังคำของพระองค์และไตร่ตรองแล้วเข้าใจ สำคัญที่สุดคือเข้าใจ

~ วิกฤต (ความเสื่อมอย่างหนัก) ของประเทศไทยทั้งหมดในเวลานี้ที่เราเห็นไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในประเทศไทยทั้งหมด เกิดจากความไม่เข้าใจพระพุทธศาสนาแล้วก็อ้างและเข้าใจผิดว่านั่นคือพระพุทธศาสนา

~ การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้เราเข้าใจสิ่งที่มี จะมากจะน้อยก็คือว่าจากการที่ไม่เคยรู้เลยว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร ก็รู้ว่าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มี เพราะฉะนั้น แต่ละหนึ่งคนในขณะที่เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น เป็นการดำรงไว้ซึ่งคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่ออย่างอื่นไม่สามารถที่จะรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย

~ ตราบใดที่ยังมีผู้ที่เข้าใจพระธรรม ตราบนั้นพระพุทธศาสนาก็ยังดำรงอยู่ต่อไปและก็จะสืบทอดต่อไปด้วย

~ ทำไมต้องการเงิน เพราะยังติดข้องอยู่ในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ (สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย) เพราะฉะนั้น พระภิกษุสละแล้วซึ่งบ้านเรือนทรัพย์สมบัติทั้งหมดเพื่อที่จะศึกษาธรรมขัดเกลากิเลส จนถึงความเป็นพระอรหันต์ เพราะถ้าไม่ถึงความเป็นพระอรหันต์ เป็นคฤหัสถ์ธรรมดาเป็นผู้ตรงก็สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น ถ้าไม่ใช่เป็นผู้ที่ตรง เป็นพระภิกษุแล้วรับเงินทอง ยินดีจึงรับเงินทอง รับเอาไปทำอะไร ก็ไปหารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ก็ไม่ได้เป็นการขัดเกลากิเลส ไม่ตรงกับการที่จะเป็นภิกษุเพื่อเข้าใจธรรมเพื่อที่จะละคลายกิเลส

~ พระภิกษุจะมาเลี้ยงชีพเหมือนอย่างคฤหัสถ์ก็ไม่ได้ ก็ต้องเป็นไปตามฐานะของพระภิกษุ เพราะฉะนั้น ถ้าภิกษุใดไม่เลี้ยงชีพตามสิกขาบทที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงอนุญาตไว้ เพราะผู้นั้นต้องขออุปสมบทไม่ใช่ใครอยากบวชก็บวชได้ แต่ต้องขอ โดยการที่ว่าจะประพฤติปฏิบัติตามขัดเกลากิเลสโดยการศึกษาธรรมและขัดเกลากิเลสตามสิกขาบทด้วย เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เป็นอย่างนั้น ก็เป็นมิจฉาชีพ (เลี้ยงชีพในทางที่ผิด)

~ การเป็นภิกษุ สละความเป็นคฤหัสถ์สู่ความเป็นบรรพชิต ถ้าเป็นผู้ที่ยังยึดติดก็สละไม่ได้ เพราะฉะนั้น เป็นพระภิกษุ ก็เพราะว่า สละแล้วซึ่งความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ

~ วัด ไม่ได้รักษาพระพุทธศาสนา แต่ถ้าภิกษุรูปนั้นแสดงธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว นั่นคือ การที่จะดำรงพระพุทธศาสนา แล้วทำไมจึงไม่แสดงธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้?

~ ใครๆ ก็ทำลายพระพุทธศาสนาไม่ได้ เพราะว่าคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเปลี่ยนไม่ได้เลย คนอื่นทำลายพระพุทธศาสนาไม่ได้ นอกจากพุทธบริษัทซึ่งไม่ศึกษาธรรมจึงไม่สามารถที่จะดำรงความถูกต้องของพระพุทธศาสนาไว้ได้ ถ้าไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง นั่นคือ การทำลายพระพุทธศาสนา

~ ผู้ที่เป็นพุทธบริษัทกล่าวว่ามีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่าเคารพอย่างไรถ้าไม่เคารพด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ อย่างถูกต้อง ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จะไม่เป็นการเคารพ นั้นคือ การทำลายแล้วเพราะเหตุว่ากล่าวว่าเคารพแต่ก็ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจ เพราะฉะนั้น พุทธบริษัทเท่านั้นที่จะทำลายพระพุทธศาสนาได้เพราะว่าขาดการศึกษาและก็เชื่อตามๆ กัน

~ ถ้าพุทธบริษัทศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพพร้อมเพรียงกันปรึกษาหารือกัน รักษาสิ่งที่ถูกต้อง พระพุทธศาสนาก็ไม่เสื่อม คำสอนทั้งหลายก็ยังคงดำรงอยู่

~ ชีวิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อุบัติ (เกิดขึ้น) เป็นประโยชน์แก่ชาวโลก ประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากการได้เข้าใจธรรม นั่นคือ สิ่งที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) มา เพราะฉะนั้น พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ สะอาดหมดจดจากกิเลสด้วยพระมหากรุณาซึ่งพุทธบริษัทควรเคารพอย่างยิ่งที่จะไม่ให้ลบเลือนไป เพราะฉะนั้น ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย สมควรไหมที่พุทธบริษัทจะกล่าวถึงพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ดีแล้วให้เป็นที่เข้าใจถูกต้อง เพื่อที่จะรักษาพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ด้วยความหวังดีที่จะให้คนอื่นได้มีความเห็นถูก เพราะฉะนั้น ถ้าทำลายพระพุทธศาสนาหรือว่าทำสิ่งซึ่งเป็นไปด้วยกิเลสไม่เป็นไปตามพระธรรมวินัย โทษกับพระภิกษุ มี ไปเกิดในอบายภูมิหลังจากที่ตายจากโลกนี้ไปถ้ายังไม่ปลงอาบัติ (คือ ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษแล้วเปิดเผยแก้ไขตาม พระวินัยจริงใจที่จะไม่กระทำผิดอย่างนั้นอีก)

~ ถ้าชาวพุทธไม่เข้าใจพระธรรมวินัย ก็ไม่รู้ว่าผู้ที่ครองจีวรแล้วก็ไม่ได้เข้าใจธรรมเลยแล้วก็รับเงินรับทอง คิดว่านั่นคือภิกษุ นั่นคือ การเข้าใจผิด จึงต้องช่วยกันให้เข้าใจถูกต้องว่าภิกษุในพระธรรมวินัยที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ ต้องเข้าใจธรรมและขัดเกลากิเลสละเอียดยิ่ง คือ จะต้องศึกษาและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย

~ ไม่มีใครสามารถทำให้ตา (จักขุปสาทรูป) เกิดขึ้นได้เลย เพราะเกิดจากกรรม

~ ไม่มีใครประมาณพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย

~ ใครที่ท้อถอย ไม่มีทางที่ปัญญาจะเจริญขึ้นได้เลย

~ ได้ฟังพระธรรมในวันนี้ ก็จะเป็นปัจจัยให้ได้ฟังอีกในโอกาสต่อๆ ไป

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมี ตามความเป็นจริง

~ ไม่มีใครสามารถเข้าใจธรรมเร็วอย่างที่คิด แต่สามารถค่อยๆ เข้าใจขึ้นได้

~ ชีวิตจะสุขจะทุกข์อย่างไร ทั้งหมดของชีวิตก็คือ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต) รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร)

~ ปล่อยวาง ไม่ใช่เรา แต่เป็นเรื่องของปัญญาที่ค่อยๆ เจริญขึ้น ถ้าไม่มีปัญญา หมดหนทางที่จะปล่อยวาง

~ ถ้าเข้าใจว่าธรรมคืออะไร อะไรเป็นธรรม ก็คุ้มแล้วกับการนั่งฟังทั้งเช้าทั้งบ่าย เพราะไม่ว่าจะฟังเรื่องอะไรของธรรม ก็ไม่พ้นไปจากเพื่อเข้าใจความเป็นจริงของธรรม

~ ถ้าไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา ไม่ใช่นับถือพระพุทธศาสนา

~ ให้ทราบว่า ทุกขณะที่ได้ฟังพระธรรมและเข้าใจ นั่นคือ ได้กระทำกิจที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ต่อตนเองและพระธรรมวินัยด้วย เพราะเหตุว่าพระพุทธศาสนาจะดำรงอยู่ไม่ได้เลยถ้าไม่มีใครที่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจ ก็คือ ได้ทำหน้าที่ของชาวพุทธที่กตัญญูรู้คุณของพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น เมื่อรู้คุณแล้วก็ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่สามารถจะกระทำได้เพื่อดำรงรักษาพระธรรมวินัยเท่าที่จะทำได้ ก็เป็นประโยชน์ ต่อไป.


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
panasda
วันที่ 1 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เจียมจิต
วันที่ 2 พ.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาค

อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบขอบพระคุณ ค่ะ

และ อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 2 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
มกร
วันที่ 2 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
swanjariya
วันที่ 3 พ.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์และท่านอาจารย์วิทยากรทุกท่าน

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณคุณประสานและคุณรัชนีวรรณ ที่จัดให้มีการสนทนาธรรมเพื่อให้ผู้ที่สะสมบุญไว้แต่ปางก่อนได้มีโอกาสได้รับฟังสิ่งที่มีค่าและประเสริฐที่สุดจากการถ่ายทอดคำของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยท่านอาจารย์และคณะวิทยากร

กราบอนุโมทนาผู้ร่วมสนทนาทุกท่านและทีมงานของมศพ.

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
papon
วันที่ 3 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 3 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 7 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 21 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ