จิตว่างมีกี่แบบ
หลวงปู่พุทธทาสบอกว่าทำงานด้วยจิตว่าง คือจิตว่างแบบไหน ว่างจากอะไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์
ใจ ก็หมายถึง จิตนั่นเองเป็นความหมายเดียวกัน จิต จึงสามารถใช้ได้หลายคำ ทั้ง มโน มานัส หทัย ปัณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ มโนวิญญาณธาตุ ก็มุ่งหมายถึง จิต ใจ ที่เป็นสภาพรู้ คือ เป็นใหญ่ในการรู้
จิตว่าง
จิตเป็นสภาพธรรมที่มีจริง จิตเป็นสภาพรู้ ดังนั้นเมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่า อารมณ์ ดังนั้น จิตจึงไม่มีว่าง คือ ไม่มีว่างจากอารมณ์ จิตเมื่อใดเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ เรียกว่าอารมณ์เสมอ ครับ เช่น จิตเห็น เมื่อเกิดขึ้น ก็ต้องมีสิ่งที่ถูกเห็น คือ สี ดังนั้นจิตจึงไม่ว่างจากอารมณ์เลย แต่ความหมายของ คำว่า ว่างจริงๆ หมายถึง การว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน หรือ สูญจากการมีสัตว์ บุคคล ตัวตน เพราะมีแต่ธรรม ไม่มีเราไม่มีสัตว์ บุคคลเลย ครับ ดังนั้น คำว่าว่าง จึงไม่ใช่จิตว่าง ครับ
จิตมีอารมณ์ ไม่มีว่างจากอารมณ์ แต่สภาพธรรม มี จิต เจตสิก รูป ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ รวมทั้งนิพพาน ว่างจากการมีสัตว์ บุคคล ตัวตน ครับ
ใจและจิต ไม่ได้เป็นสถานที่ ที่จะมีความว่างดั่งอากาศ แต่ ใจ และ จิต มีความว่าง ที่ไม่ได้หมายถึง ไม่มีอะไรเลย แต่ ใจ กับจิต ก็มีอยู่ แต่ ใจและ จิต มีความว่างในตัวของมันเอง คือ ว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล คือ ไม่มีเรา ที่เป็นจิต แต่เป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นจิต คือ เป็นเพียงธรรมไม่ใช่เรา ว่างจากความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นการศึกษาธรรมทีละคำจริงๆ เมื่อกล่าวถึงคำอะไร ก็ต้องมีความเข้าใจให้ชัดเจนว่า คือ อะไร ต้องมีคำตอบด้วยความเข้าใจในคำที่กล่าวถึงด้วย แม้แต่คำว่า จิต ไม่ใช่คำที่กล่าวลอยๆ แต่มีความหมายถึงสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งสิ่งที่จิตรู้ คือ รู้แจ้งอารมณ์ จิตแม้จะมีความหลากหลายโดยอารมณ์บ้าง โดยธรรมที่เกิดร่วมด้วย บ้าง โดยชาติที่เป็นกุศล อกุศล วิบาก กิริยา บ้าง โดยภูมิที่เป็นระดับขั้นต่างๆ บ้าง ก็มีลักษณะเพียงอย่างเดียว คือ รู้แจ้งอารมณ์ ดังนั้น เมื่อมีการกล่าวถึง จิตว่าง ก็ต้องเข้าใจให้ถูกว่าเป็นอย่างไร
จิตไม่ว่างจากอารมณ์แน่ ทุกขณะที่เกิดขึ้น ก็ต้องรู้อารมณ์อย่างหนึ่งอย่างใดตามควรแก่จิตประเภทนั้นๆ แต่ว่างจากความเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เพราะเป็นแต่เพียงธรรมที่มีจริงที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปเท่านั้น และขณะที่กุศลจิต เกิดขึ้นเป็นไป จิตในขณะนั้นก็ว่างจากอกุศล กล่าวคือ อกุศล เกิดขึ้นไม่ได้ เป็นการพักจากอกุศลชั่วขณะที่กุศลเกิดขึ้นเป็นไป ถ้ามีการอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น กิเลสใดๆ ที่ดับได้แล้ว กิเลสประเภทนั้นๆ ก็ไม่เกิดขึ้นอีกในสังสารวัฏฏ์ เป็นการว่างจากกิเลสนั้นๆ ได้โดยเด็ดขาด
สำคัญที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ จิตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะมีอยู่ทุกขณะ ไม่เคยขาดจิตเลย แต่ก็ไม่รู้ถ้ายังไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่าเป็นธรรมที่มีจริง ไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้น จึงมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เข้าใจสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ตามความเป็นจริง ก็คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอันเป็นคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกโดยตลอด ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...