ทำผิด เพราะขาดปัญญา

 
khampan.a
วันที่  18 มิ.ย. 2561
หมายเลข  29826
อ่าน  3,428

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม

เรื่อง วิกฤตพระพุทธศาสนากับประเทศชาติ

ที่โรงแรมดิอิมเพรส น่าน จ.น่าน

วันจันทร์ที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๑

~ ความเข้าใจ ต้องเกิดจากการไตร่ตรองสิ่งที่ได้ฟัง เราจะใช้เวลานานสักเท่าไหร่ก็ตาม ไม่ใช่แค่ฟัง แต่ว่าไตร่ตรองจนเข้าใจจนถึงที่สุด

~ คำว่าพระพุทธศาสนา ฟังเผินเหมือนทุกคนรู้จักแต่ความจริงแล้ว ศาสนาคือคำสอน พุทธะ คือ ของผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริงซึ่งถูกปกปิดไว้ในสังสารวัฏฏ์

~ เราจะไม่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ซึ่งจะประมาทในคำแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้เลย เพราะว่าทุกคำเกิดจากการที่ได้ทรงตรัสรู้

~ ไหว้พระ สวดมนต์ เวียนเทียน เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ถ้าเข้าใจว่าอย่างนั้นเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงว่าผู้นั้นจะรู้จักพระพุทธศาสนาหรือเปล่า

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อให้คนมาเวียนเทียนหรือว่ามาสวดมนต์หรือว่ามากราบไหว้ แต่ทุกคำที่พระองค์ตรัสเพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกซึ่งไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ ถ้าไม่ได้ฟังคำที่เกิดจากการทรงตรัสรู้ของพระองค์

~ ถ้าไม่มีการได้ฟังพระธรรม ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงใดๆ ได้เลย ตั้งแต่เกิดจนตาย

~ สละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต ตามรอยพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาจากไหน? มาจากการได้ฟังพระธรรม ถ้าไม่เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมเลย จะเป็นภิกษุได้ไหม ก็เป็นไม่ได้ ไม่ใช่ว่าใครๆ ก็บวชได้

~ เมื่อมีผู้ที่ขอบวชเป็นพระภิกษุ คฤหัสถ์กราบไหว้ในอุปนิสัยที่สามารถสละเพศคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่าตัวเองทำไม่ได้ แต่พระภิกษุทำได้ แต่ต้องเป็นภิกษุในธรรมวินัย ไม่ใช่ว่าไม่ฟังพระธรรม ไม่รู้จักพระธรรมแล้วบวช เพราะฉะนั้น ในยุคนี้ก็จะเห็นได้ว่าไม่รู้จะทำอะไรก็บวช ใช่ไหม? บางคนป่วยไข้ได้เจ็บอยากหายป่วย ก็บวช บางคนก็มีสารพัดเหตุ ไม่มีอะไรจะทำก็บวช แต่ว่าไม่ได้เข้าใจธรรม เป็นการบวชเพื่อเป็นภิกษุในธรรมวินัยจริงๆ หรือเปล่า?

~ จะดำรงพระพุทธศาสนากันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ไม่รู้จักพระพุทธศาสนา แล้วจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนาได้อย่างไร เพราะฉะนั้น ที่จะดำรงพระพุทธศาสนาได้ ไม่ใช่วัดวาอาราม ไม่ใช่อิฐหินปูนทราย ไม่ใช่ประเพณีต่างๆ แต่ว่าต้องเป็นความเข้าใจพระธรรมเท่านั้น จึงจะสามารถดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ เพราะว่าพระพุทธศาสนาคือคำสอนของผู้ที่ทรงตรัสรู้ จะดำรงคำสอนซึ่งพระองค์ทรงประทานให้พุทธบริษัท ก็ต่อเมื่อพุทธบริษัทได้เข้าใจคำสอนนั้น จึงสามารถที่จะดำรงไว้ได้

~ ถ้าเห็นพระภิกษุรับเงินและทอง เป็นอย่างไร ผิดไหม แต่ก่อนนี้ไม่รู้ เดี๋ยวนี้ผิดหรือเปล่า? ต้องตรง

~ จะตอบแทนคุณ คุณต้องเป็นความดี ไม่อย่างนั้น ไม่ใช่การตอบแทนคุณ กลับหวังร้ายให้โทษกับคนนั้น เพราะฉะนั้น ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดมาก ต้องเป็นคนตรง ความตรง ความถูกต้องทำให้กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ถูกต้อง จะแทนคุณมารดาบิดา ก็ทำความดี เป็นลูกที่ดี ไม่ทุจริต ดูแลท่าน ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นความดี ไม่ใช่ไปบวชแล้วไม่รู้อะไรเลย แทนคุณตรงไหน

~ พระภิกษุทุกรูป ไม่เว้นเลยไม่ว่าใคร จะพรรษามากน้อยอย่างไรก็ตาม ทั้งหมด ต้องมีพระธรรมวินัย เป็นศาสดา จะเป็นอื่นไม่ได้เลยทั้งสิ้น

~ พระธรรมวินัยทั้งหมด เป็นเรื่องละ เพราะฉะนั้น หน้าที่ของพระภิกษุ แม้ชาวบ้านจะยกย่องอย่างไรก็ตาม ท่านก็ต้องรู้ว่า ท่านก็คือผู้ที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ไม่ได้หลงไปตามสิ่งที่คนอื่นเข้าใจ เพราะว่า ความจริงก็ต้องเป็นความจริง

~ ไม่มีสิกขาบท (สิ่งที่จะต้องศึกษาและน้อมประพฤติตาม) แม้แต่สิกขาบทเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้พระภิกษุรับเงินและทองได้

~ เป็นผู้ที่ตรงไปตรงมาตั้งแต่ต้น เหตุดี ผลก็ต้องดี เหตุไม่ดีผลก็ต้องไม่ดี เพราะฉะนั้น ใครจะทำอะไรเราได้ นอกจากกรรมที่ได้ทำไว้

~ ธรรมทุกขณะ ปกปิด ไม่เปิดเผย จึงไม่สามารถที่จะรู้ได้ จนกว่าจะค่อยๆ ฟังค่อยๆ เข้าใจ ค่อยๆ น้อมไปสู่ความมั่นคงว่า ไม่มีเรา แต่มีธรรม และธรรมนั้นก็ไม่ใช่เรา

~ ภิกษุในธรรมวินัย ไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง ถ้าไม่เข้าใจก็จะไม่เห็นประโยชน์เลย แต่ถ้าเข้าใจก็จะรู้ว่าการที่พระภิกษุรับเงินนี่แหละที่จะเป็นต้นเหตุในการทำลายพระพุทธศาสนา

~ พระภิกษุวิ่งเต้นเพื่อได้สมณศักดิ์ ก็เพราะมีเงินแล้วเงินมาจากไหน ก็มาจากการละเมิดพระวินัยซึ่งเป็นการวิ่งเต้นเพื่อการเพิ่มกิเลส ไม่ใช่การละกิเลส ซึ่งเป็นคนละเรื่องเลย

~ ถ้าเราไม่เป็นผู้ตรง ดำรงพระพุทธศาสนาไม่ได้เลย เพราะฉะนั้น ตรง เมื่อเข้าใจธรรมแล้ว

~ ได้ยินสิ่งที่มีค่าที่ประเสริฐที่สุด คือ พระธรรม ดีกว่าได้ยินเรื่องอื่น เพราะได้ยินเรื่องอื่นก็ได้ยินมามากแล้ว แต่ขณะนี้ ได้ฟังเรื่องที่จะทำให้เกิดความเข้าใจซึ่งเป็นประโยชน์กับชีวิต ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้ชาติเดียว ความเข้าใจจริงๆ จะสะสมสืบต่อไปถึงชาติต่อไปด้วย

~ ไม่ต้องไปหาธรรมที่ไหนเลย แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่นเลย เพราะรู้ว่าไม่เคยเข้าใจ ความเข้าใจก็ไม่ใช่เรา ไม่เข้าใจ ก็ไม่ใช่เรา

~ ทั้งชีวิต ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีทางที่จะเข้าใจความจริง ด้วยเหตุนี้ จึงเกิดแล้วเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์ ไม่จบ

~ วัดก็ไม่รู้ บวชก็ไม่รู้ พระภิกษุ ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร นี่ก็วิกฤต (เสื่อมอย่างหนัก) แล้ว

~ ปัญญานำไปในกิจทั้งปวงที่ดี ที่เป็นกุศล ถือเอาแต่สิ่งที่ควรและเป็นประโยชน์ ละทิ้งสิ่งที่ไม่ควรและไม่เป็นประโยชน์

~ วัดคือที่อยู่ของผู้สงบ เพราะเห็นโทษของความไม่สงบในชีวิตของคฤหัสถ์ จึงสละเพศคฤหัสถ์ซึ่งวุ่นวายทั้งวัน แต่พอสละเพศคฤหัสถ์แล้ว สงบตั้งแต่ตื่นจนหลับ ไม่ต้องหุงหาอาหาร ไม่ต้องทำภารกิจอย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป มีหน้าที่ที่จะขัดเกลากิเลสด้วยความเข้าใจพระธรรม และความเข้าใจพระธรรมนั่นแหละที่ขัดเกลากิเลส,กิเลสไม่เคยกลัวอะไรเลย แต่ความเข้าใจเกิดเมื่อไหร่ กิเลส มีความไม่รู้เป็นต้น อยู่ตรงนั้นไม่ได้

~ การฟังพระธรรมแล้วเข้าใจขึ้น ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้ใครเลย แม้แต่ตนเอง ถ้าเคยโกรธแล้วรู้ว่าโกรธไม่ดี ปัญญาเห็นโทษของความโกรธ ความโกรธก็ค่อยๆ ลดน้อยลง แต่ถ้ายังไม่เห็นโทษ ก็ยังโกรธอยู่นั่นแหละ

~ ภิกษุใดที่ทำตัวเหมือนกับคฤหัสถ์ ก็ไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย

~ ที่ทำผิดกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความติดข้อง ความโกรธ ความริษยาเป็นต้น เพราะขาดปัญญา

~ โลกวิกฤต เพราะขาดปัญญา

~ ประเทศที่สมควร คือ ถิ่นที่มีพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ มิตรที่ดี คือ ผู้ที่หวังดี เกื้อกูล พร้อมที่จะทำประโยชน์ ไม่หวังร้าย ไม่มุ่งร้าย ไม่แข่งดีกับผู้อื่นเลย

~ ถ้ารู้จริงๆ จะทิ้งสิ่งที่ผิดไหม แต่เพราะรู้ไม่จริง ก็ยังคงมีความคิดว่าคงจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าเป็นคนที่มั่นคงจริงๆ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์แล้วทำทำไม

~ ถ้าผู้ใหญ่ ไม่เข้าใจธรรมแล้วใครจะสอนเยาวชน เมื่อผู้ใหญ่ไม่รู้ก็เข้าใจว่าที่สอนนั้นถูกต้อง เพราะเหตุว่าไม่รู้

~ เราไม่รู้แล้วทำให้คนอื่นไม่รู้ไปด้วย จะถูกหรือ?

~ ถ้าคฤหัสถ์เข้าใจจริงๆ จะให้เงินทองแก่พระภิกษุไหม ก็ไม่ให้ เพราะฉะนั้น อยู่ที่ความเข้าใจ ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ให้อยู่นั่นแหละ แต่ถ้าเข้าใจเมื่อไหร่ก็เท่ากับอนุเคราะห์ภิกษุไม่ให้ผิดพระวินัยซึ่งเป็นโทษหนัก จะต้องสละเงิน ตามพระธรรมวินัยจึงจะสามารถปลงอาบัติได้และถ้ายังไม่ได้ปลงอาบัติใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไหร่ ถ้าจากโลกนี้ไปโดยที่ยังไม่ได้ปลงอาบัติก็ไปสู่อบายภูมิ แล้วเราจะให้ผู้ที่เราเห็นๆ อยู่อย่างนี้ไปสู่อบายภูมิหรือ นี่ก็เป็นประการหนึ่ง และในขณะเดียวกันก็เป็นการทำลายพระศาสนาด้วยเพราะการกระทำของพุทธบริษัท การกระทำของพุทธบริษัทที่ไม่เข้าใจ จึงได้ถวายเงินแก่พระภิกษุ

~ เมื่อเป็นสิ่งที่ถูก ทำทันที จะรีรออะไร.

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
วิริยะ
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
thongkhun1937
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
sanorhnakvisuth
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
มกร
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
panasda
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
orawan.c
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
peem
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Somporn.H
วันที่ 19 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
thilda
วันที่ 20 มิ.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ