ผู้ที่จะทำฌาน 4 ให้บังเกิด ต้องเป็นติเหตุกบุคคลหรือเปล่าครับ
ตัวอย่าง เช่นบุคคลฝึกกสิณ,อานาปานสติ นำมาเป็นอารมณ์
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้ที่ปฏิสนธิจิตเป็นผลของกรรมที่ประกอบด้วยปัญญา และปฏิสนธิจิตมีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วยนั้น เป็นติเหตุกบุคคล เพราะมีเหตุ ๓ คือ มีอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และปัญญา (อโมห) เจตสิกเกิดร่วมด้วย บุคคลนั้นเมื่อได้ฟังพระธรรมก็สามารถพิจารณาเข้าใจพระธรรม และสามารถอบรมเจริญปัญญาจนบรรลุฌานจิต หรือ รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ๔ บรรลุมรรค ผล นิพพานเป็นพระอริยบุคคลในชาตินี้ได้ตามควรแก่การสะสมของเหตุปัจจัย ดังนั้นผู้ที่จะได้ฌาน จะต้องเกิดมาด้วยติเหตุกบุคคล ถ้าเป็นทวิเหตุกบุคคล หรือ อเหตุกบุคคล ไม่สามารถได้ฌาน และ บรรลุธรรมได้เลย ครับ ขออนุโมทนา
ชาตินี้เป็นชาติประเสริฐที่ได้ฟังธรรม ได้อบรมปัญญาแม้ว่าปฏิสนธิไม่ได้เป็นติเหตุกบุคคล แต่สะสมปัญญาต่อๆ ไปในภพหน้า เมื่อเหตุพร้อมก็ปฏิสนธิเป็นติเหตุกบุคคล และได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
"บุคคลที่เกิดพร้อมกับปัญญาเจตสิก คือ เป็นผู้ที่มหาวิบาก เป็นผลของมหากุศลทำกิจปฏิสนธิ เกิดพร้อมกับเหตุทั้ง ๓ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ อโมหเหตุ เป็นผู้ที่เมื่ออบรมเจริญปัญญาแล้ว สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ซึ่งทุกคนไม่มีใครจะทราบได้ เกิดมาแล้ว แล้วก็ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าปฏิสนธิจิตในชาตินี้ประกอบด้วยเหตุ ๒ เป็นทวิเหตุ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ หรือว่าประกอบด้วยเหตุ ๓ เป็นติเหตุกะ ประกอบด้วยอโลภเหตุ อโทสเหตุ
อโมหเหตุ แต่เมื่อเป็นผู้ที่สนใจฟังธรรม เป็นผู้ที่มีเหตุผล พิจารณาไตร่ตรองธรรม ก็เป็นผู้ที่รู้ได้ว่า เป็นผู้ที่มีปัญญาได้สะสมมา แต่การที่จะรู้แน่จริงๆ ก็คือผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม เป็นพระอริยบุคคล หรือผู้ที่อบรม เจริญสมถภาวนาถึงขั้นอัปปนาสมาธิ คือ ฌานจิต ต้องเป็นผู้ที่ปฏิสนธิจิตประกอบด้วยเหตุ ๓ คือ เป็นติเหตุกบุคคล แต่ไม่ได้หมายความว่า ผู้ที่ปฏิสนธิเป็นติเหตุกบุคคล ทั้งหมดจะบรรลุถึงอัปปนาสมาธิหรือว่าจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม แม้ว่าจะเป็นผู้ที่ปฏิสนธิจิตประกอบด้วยเหตุ ๓ แต่ก็ไม่แน่ว่า บุคคลนั้นจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถ้าอบรมเจริญอินทรีย์ไม่แก่กล้าพอที่จะรู้แจ้งก็ไม่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้"
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...