รู้สึกผิดเสียใจที่สัตว์จากไป
สวัสดีคะ ดิฉันเป็นคนรักสัตว์มาก
เลี้ยงดูอุปการะหมาแมวจรมาตลอด
เมื่อ 2 เดือนที่แล้วเจอลูกกระรอก
ยังไม่ลืมตา ขนยังไม่ขึ้นตกมาจากต้นไม้
จะวางทิ้งไว้มดจะกัดตายเลย เอามาเลี้ยงป้อนนมจนลืมตา จนถึง 2 เดือน เริ่มกินกล้วยได้ เอากล้วยผสมนมให้กิน บางทีเขาก็เลียกินเอง จนเกิดเรื่องไม่คาดคิด
คือเขากินกล้วยแล้วติดคอ เราพยายามช่วยทุกอย่างผายปอดให้แต่ช่วยไม่ได้
เสียใจที่มือนี้ที่เราช่วยเขามา แต่เขาต้องมาตายในมือเราเช่นกัน ทำทุกอย่าง สวดมนต์แผ่เมตตาให้เขา พยายามทำสมาธิแต่จิตไม่นิ่ง สภาพจิตใจเราไม่ดีขึ้นเลย โทษตัวเอง
ตอนนี้ย่ำแย่มากเพราะไม่นานเพิ่งเสียแมวที่เราเลี้ยงเหมือนลูกไป มันเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดสำหรับเรา เราจะหาทางออกให้ใจเรายังไงดีคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กรรมขึ้นอยู่กับเจตนาเป็นสำคัญ เมื่อไม่มีเจตนาที่จะฆ่าสัตว์ จงใจฆ่าสัตว์ ขณะนั้นไม่เป็นปาณาติบาต ไม่เป็นกรรมที่จะทำให้ได้ผลไม่ดีเพราะไม่ได้มีเจตนาจงใจฆ่า แม้สัตว์นั้นจะตายก็ตามทีครับ ดังเช่น เหยียบมดโดยที่เราไมได้ตั้งใจเหยียบ พยายามหลบแต่หลบไม่พ้นก็เหยียบมดไป จิตขณะนั้นไม่ได้มีความจงใจที่จะฆ่าสัตว์จึงไม่เป็นอกุศลกรรมที่จะให้ผลไม่ดีครับ
เชิญคลิกอ่านที่นี่...บาปไม่บาปอยู่ที่เจตนา
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน ซึ่งสำหรับเรื่องที่กล่าวมา ไม่ได้เป็นบาป เพราะไม่ได้มีเจตนาทำร้าย ไม่ได้มีเจตนาเบียดเบียนแต่อย่างใด ส่วนสัตว์จะตาย หรือไม่ตายนั้นก็ตามกรรมของสัตว์ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะต้องมีทุกข์เป็นธรรมดา ไม่ว่าใคร หรือ บุคคลใด ผู้ที่ไม่ทุกข์อีกเลย คือ ผู้ที่ดับกิเลสจนหมดสิ้น เพราะฉะนั้น หนทางที่ถูก ที่จะแก้ทุกข์ คือ เข้าใจทุกข์ที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา อยู่กับความทุกข์ด้วยความเข้าใจ เข้าใจว่าจะต้องทุกข์ วิธีแก้ทุกข์ จะต้องมีปัญญาความเข้าใจถูก ซึ่งปัญญาจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม จากพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง
หากจะเศร้าโศกถึงสัตว์ที่จากไป ก็ควรคิดถึงตนเองที่จะต้องจากไป ดังเช่นสัตว์นั้น ควรที่จะไม่ประมาทในชีวิต ที่จะศึกษาธรรม อบรมปัญญา ในช่วงเวลาที่มีชีวิตที่เหลือน้อย ความตายก็ใกล้มาทุกขณะ ความตายของผู้อื่น ย่อมเป็นเครื่องเตือนให้น้อมเข้ามาในตนว่า ควรใช้ชีวิตที่ไม่ประมาท สิ่งที่ติดตัวไปได้ คือ ความดี และความไม่ดี แต่สิ่งที่เป็นที่พึ่ง คือ กุศล บุญที่กระทำ และสัตว์ หรือ ญาติที่เสียชีวิตไป สิ่งที่เป็นประโยชน์กับเขา คือ ไม่ใช่ความเศร้าโศกของเรา แต่ คือ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับผู้รับ คือ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สภาพธรรมเกิดเพราะเหตุปัจจัยจริงๆ ชีวิตประจำวันจึงไม่พ้นไปจากธรรม ขณะที่เศร้าโศกเสียใจมีจริงๆ เป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น บุคคลผู้ที่ยังมีความเศร้าโศกอยู่นั้น ก็เพราะยังมีกิเลส ยังมีความติดข้อง ยินดีพอใจ ยังมีอวิชชาอยู่ จึงต้องมีความเศร้าโศกเป็นธรรมดา เมื่อมีความติดข้อง ผลที่ตามมาคือ ความเศร้าโศกเสียใจ เมื่อสิ่งที่ติดข้องนั้นพลัดพราก
จากไป แต่เมื่อได้อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง ย่อมจะทำให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน และเป็นความจริงที่ว่าขึ้นชื่อว่าสัตว์โลก แล้ว ล้วนมีความตายเป็นเบื้องหน้า ด้วยกันทั้งนั้น เมื่อมีชาติ ชราย่อมติดตาม พยาธิก็ครอบงำและท้ายที่สุดก็ถูกมรณะคือความตายห้ำหั่น ไม่มีใครรอดพ้นได้เลย สัตว์ตายแล้วเกิดแล้ว ไปตามกรรมของตนๆ เราก็ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว จากกรณีการตายของสัตว์อื่น ก็สามารถพิจารณาได้ว่า ในที่สุดเราก็จะตายเหมือนกัน ไม่ใช่ตายแต่คนอื่น ก็จะเป็นเครื่องเตือนใจตนเองอยู่เสมอ เพื่อเป็นผู้ไม่ประมาทในชีวิต ไม่ประมาทกำลังของอกุศล และไม่ประมาทในการเจริญกุศล ซึ่งรวมถึงการอบรมเจริญปัญญาเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย เพราะเมื่อวาระสุดท้ายของชีวิตในภพนี้ชาตินี้มาถึง ต้องบ่ายหน้าไปสู่ความตาย ไม่มีใครสามารถที่จะขอร้อง หรือผัดเพี้ยนได้เลย ครับ.
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...