ปัญหามาจากอกุศล
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญหามาจากอกุศล
ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาธรรม
"วิกฤตพระพุทธศาสนากับประเทศชาติ"
ที่โรงละครวังหน้า
วันพฤหัสบดีที่ ๒ สิงหาคม ๒๕๖๑
~ วิกฤต (ความเสื่อมอย่างหนัก) เกิดจากอะไร เพราะเหตุว่า มีการทุจริตทุกวงการ ก็แสดงถึงความวิกฤตอย่างยิ่งของประเทศชาติ, ประเทศชาติ ถ้าไม่มีบุคคลในประเทศนั้น ก็ไม่มีชาติ แต่ว่าประเทศชาติที่วิกฤตทั้งหมด ไม่ว่าเฉพาะในประเทศหนึ่งประเทศใด ก็มาจากความไม่รู้ ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง ความไม่รู้ ไม่มีหรือน้อยลง ประเทศชาติและทุกอย่างที่วิกฤต ก็จะลดน้อยลงด้วย
~ ถ้าไม่มีความเข้าใจต้นเหตุของความวิกฤต ก็ไม่สามารถที่จะแก้อะไรได้เลย แก้วิกฤตด้วยความไม่รู้ ก็ยิ่งวิกฤต
~ ทุกคนมีปัญหา มากน้อยต่างกัน เพราะความไม่รู้ แต่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจากที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง แต่ละคำจะค่อยๆ นำให้แก้ปัญหาที่ตัวของแต่ละบุคคล นั่นก็คือ แก้ปัญหาของประเทศชาติ
~ การพึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่พึ่งโดยประการอื่นเลย แต่พึ่งในคำสอนซึ่งทำให้บุคคลนั้นเกิดความเข้าใจซึ่งในสังสารวัฏฏ์ไม่ได้เคยเข้าใจมาก่อนเลย และคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะนำให้มีความเจริญในทางปัญญายิ่งขึ้น จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดปัญหาได้
~ ใครก็ตามที่ฟังธรรมแล้วคิดเอง ผิดทุกคน
~ ถ้าประเทศไทย คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รุ่งเรือง จะมีวิกฤตของประเทศชาติได้ไหม? เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งที่ทุกคนควรที่จะพิจารณาไตร่ตรอง เพราะว่า ความเข้าใจ นั้น นอกจากจะเป็นประโยชน์กับตัวเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์แก่บุคคลอื่นและประเทศชาติด้วย
~ การสนทนาธรรมเป็นมงคล เพราะเหตุว่าต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างเชื่อ ต่างคนต่างเห็น แต่ถ้าได้มีการสนทนาและเป็นผู้ตรงต่อความจริง ก็จะได้สาระ เพราะว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมไว้ทั้งหมดโดยประการทั้งปวงถึงที่สุด
~ สิ่งที่ไม่ดีงาม จะนำผลที่ดีงามมาให้ ไม่ได้เลย แต่ผลที่ดี มาจากเหตุที่ดี
~ บวชทำไม บวชเพื่อขัดเกลากิเลส แต่บวชแล้วไม่เข้าใจธรรม ไม่ได้ขัดเกลากิเลส ประพฤติผิดพระวินัย เพราะฉะนั้น ก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย
~ ภิกษุ ได้อุทิศชีวิตทั้งชีวิต สละความเป็นคฤหัสถ์ ไม่มีวงศาคณาญาติ ไม่มีทรัพย์สมบัติ ไม่มีกิจธุระเหมือนอย่างชาวบ้านทำกัน สู่เพศที่สงบจากชีวิตของคฤหัสถ์ ต้องเข้าใจด้วยว่า สงบจากชีวิตของคฤหัสถ์ ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้เป็นเบื้องต้น จะทำลายพระธรรมและพระวินัย
~ ภิกษุสละ ละอาคารบ้านเรือนแล้ว จะยินดีในเงินและทองได้อย่างไร ในเมื่อสละแล้ว สละหมายความว่า ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ยินดี มีชีวิตอย่างผู้ที่ไร้บ้าน แต่ว่าได้ฟังคำสอนซึ่งสามารถที่จะขัดเกลากิเลส ซึ่งสามารถที่จะรักษาพระวินัยได้เพราะเห็นคุณของพระวินัย ซึ่งเป็นการขัดเกลากิเลส ด้วยเหตุนี้ เงินทองสมควรแก่คฤหัสถ์ แต่ไม่สมควรแก่ภิกษุ
~ อยู่เป็นคฤหัสถ์ก็ฟังธรรมได้ เข้าใจธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แล้วทำไมบวช ต้องรู้จักตัวเองใช่ไหมว่าบวชเพื่ออะไร มีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในพระธรรมหรือเปล่า ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่เข้าใจพระธรรมแล้วบวช จะเป็นภิกษุในธรรมวินัยได้ไหม?
~ การกล่าวธรรมไม่ว่ากับใครก็ตาม พุทธบริษัทสามารถที่จะกล่าวได้ เพราะเหตุว่า เป็นผู้ที่รู้คุณของพระธรรม, บุพการี คือ ผู้ที่กระทำคุณก่อน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมก่อน ผู้ฟังที่มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นผู้กตัญญู กล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ กล่าวคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น พุทธบริษัทก็กล่าวคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจให้ถูกต้อง
~ ทุกคำที่เป็นคำจริง เมื่อพิจารณาแล้วมีครบถ้วนในพระไตรปิฎก, ถ้าเป็นผู้ไม่ตรง จะไม่สามารถที่จะเข้าใจธรรมได้ เพราะเหตุว่าธรรม ตรง (เป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น)
~ ไม่เป็นภิกษุในพระธรรมวินัย เพราะไม่ได้ประพฤติตามพระวินัย และไม่ศึกษาพระธรรมด้วย แต่ชาวบ้าน เห็น ก็คิดว่าท่านผู้นี้เป็นผู้ที่ประเสริฐ [ใช้คำว่า วระ หรือ พระ] เพราะสละชีวิตคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต เพราะฉะนั้น ถ้ากระทำไปโดยที่ว่าขัดต่อพระธรรมมวินัยทั้งๆ ที่รู้แล้วก็ไม่เห็นโทษ สมควรไหมที่จะเป็นผู้ที่สละอาคารบ้านเรือนเพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต เพราะฉะนั้น ก็จะต้องเป็นผู้ที่ตรง มิฉะนั้น จะไม่ได้สาระจากพระธรรม
~ การที่กล่าวถึงพระธรรมวินัย ก็ด้วยความหวังดี ด้วยความปรารถนาดี เพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อที่จะได้ไม่ทำผิด และถ้าเป็นพระภิกษุก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ถ้า...เมื่อประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยไม่ได้ ก็สมควรที่จะเป็นคฤหัสถ์ เพราะเหตุว่า ไม่อย่างนั้น คนอื่นก็จะยังคิดว่าตนเองเป็นบรรพชิต แต่ว่าเป็นผู้ที่ไม่ศึกษาธรรมและไม่ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตด้วย
~ ดำรงพระพุทธศาสนา ด้วยการกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้พุทธบริษัทได้เข้าใจถูกต้อง
~ ไม่ว่าจะมีชีวิตอย่างไร จะสุข จะทุกข์ จะมั่งมีจะยากจน จะมีชื่อเสียง จะมีสมบัติมาก แต่ไร้ปัญญาตั้งแต่เกิดจนตาย ไม่รู้เลย ถ้าไม่ได้ยินคำว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงแม้ได้ยินได้ฟัง ก็ไม่ได้สนใจ เพราะฉะนั้น ก็ไม่สามารถที่จะมีปัญญาได้
~ ไม่รู้ แล้วไม่ทำหน้าที่ที่จะฟังธรรมจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจขึ้น จะมีประโยชน์อะไร
~ เพราะความไม่รู้และเพราะความติดข้อง ก็จะนำมาซึ่งอกุศล ไม่สิ้นสุด
~ ควรที่จะเห็นความเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของการที่จะได้เข้าใจพระธรรม แต่ขอให้เป็นผู้ที่ไม่ประมาทในการฟังพระธรรม เพราะว่าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งจะต้องไตรตรอง ศึกษา ครบถ้วน ในความถูกต้อง มิฉะนั้น ก็คลาดเคลื่อน ถ้าเข้าใจผิดไป ก็เป็นภัยอย่างยิ่ง
~ ถ้าระลึกถึงผู้ที่จากไปแล้ว ก็ทำความดี หรือแม้แต่ (ระลึกถึง) ผู้ที่ยังอยู่ คือ มารดาบิดาที่ได้ทำความดีต่อลูก เป็นต้น เพราะฉะนั้น ลูกคนใดจะกตัญญูรู้คุณ ก็คือ ทำความดี ไม่ใช่ไปทำสิ่งที่ไม่เข้าใจ เช่น เอาเงินไปถวายพระ แล้วก็คิดว่าเงินนั่นแหละจะทำให้ส่งไปถึงบุคคลที่อยู่อีกโลกหนึ่งได้ เป็นไปได้อย่างไร การถวายเงินต่อพระภิกษุ ไม่ใช่คุณความดี บางคนคิดว่าจะเป็นการส่งเสริมพระพุทธศาสนา แต่ว่าความจริงแล้ว เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เพราะไม่เข้าใจว่า ความดีต่างหาก ซึ่งแต่ละคนทำ จะเป็นการตอบแทนผู้มีคุณ, ทำความดีเมื่อไหร่ ก็เป็นการตอบแทนคุณของบุพการี เมื่อนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแทนคุณที่ประเสริฐ ก็คือ สามารถเข้าใจพระธรรมและทำให้คนอื่นได้เข้าใจด้วย เพราะเหตุว่า เพราะไม่เข้าใจพระธรรม ไม่เข้าใจความจริง จึงมีการกระทำทุจริตและเป็นคนไม่ดี แต่ว่าถ้ามีความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น ความดีก็เพิ่มขึ้น นั่นแหละ เป็นบุญ (ความดี) ซึ่งคนอื่นรู้ก็อนุโมทนา (ชื่นชมยินดี) ในสิ่งที่เป็นบุญที่ได้กระทำ
~ ทุกคน ไม่ว่าใคร เมื่อได้ยินว่าใครทำดี ก็อนุโมทนาแม้ไม่รู้จักกัน นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ไม่ต้องไปคิดตอบแทนคุณโดยวิธีอื่น แต่ว่า แทนคุณโดยการเป็นคนดี
~ ภิกษุ ที่ไม่ได้เข้าใจธรรมและไม่ได้ประพฤติตามพระวินัย นอกจากจะปล้นอาหารที่เขาถวายแก่ผู้ที่ศึกษาธรรมและปฏิบัติตามพระธรรมวินัย แล้ว ยังปล้นพระศาสนาด้วย เพราะเหตุว่า ไม่ได้ประพฤติตามพระธรรมวินัยเลย เพราะฉะนั้น พระธรรมวินัย ก็จะค่อยๆ ลบเลือนไป
~ จะรู้ว่าใครถูกใครผิด ใครตัดสิน? ต่างคนต่างคิด แล้วก็กล่าวว่าตนเองถูก แต่มีพระธรรมวินัยไว้เพื่ออะไร? เพื่อเตือนให้พุทธบริษัทเข้าใจถูกต้องว่า ไม่มีใครที่จะกล่าวคำจริงและถูกต้องถึงที่สุดเหมือนอย่างพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
~ ถ้าที่ใดมีวัด แล้วมีภิกษุที่ไม่ได้ประพฤติตามพระธรรมวินัย ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพระเจ้าหรือเปล่า? ทำไมไม่คิดถึงคุณที่ยิ่งใหญ่ของพระธรรมที่ทำให้สัตว์โลกซึ่งไม่รู้ความจริงมาแสนนานในสังสารวัฏฏ์ สามารถที่จะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วสิ่งที่ไม่เคยเกิดเลยคือความเข้าใจที่ถูกต้อง มีค่ามากกว่าที่จะมีวัดวาอารามมีพระภิกษุซึ่งไม่ได้ประพฤติตามปฏิบัติตามพระธรรมวินัย เพราะฉะนั้น ก็ต่างคนต่างคิด ลองคิดไตร่ตรองให้ดี จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยผู้ที่ไม่เข้าใจพระธรรมวินัย แต่มีวัด หรือว่า ถึงแม้ไม่มีวัด ไม่มีภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย แต่ว่า มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่สามารถที่จะเข้าใจได้ สืบต่อไป ควรจะเป็นอย่างไหน จะให้มีวัด มีภิกษุที่ไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยแล้วใครจะเข้าใจพระธรรม ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมก็ดำรงรักษาพระธรรมและพระวินัยไว้ไม่ได้.
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...