ยับยั้งจิตที่ชอบคิดปรุงเเต่งจินตนาการอย่างไรครับ

 
เเจ้ง
วันที่  3 ส.ค. 2561
หมายเลข  29972
อ่าน  1,417

ผมเป็นคนที่มักไม่ค่อยมีสติอยู่กับเนื้อกับตัว เหมือนกับคนไร้สติ บ้างครุ่นคิดถึงอดีตมีเจ็บปวดและเครียดขึ้น บ้างนึกคิดจินตนาการปั้นแต่งไปในอนาคต มันจะติดอยู่ตลอดเวลาหนะครับ ทั้งตื่นนอนแลหลับตาลง อยู่พอเห็นอะไรหน่อยจิตก็คิดปรุงแต่งผมทุกข์มากทำอย่างไรดีครับผมเป็นมานานจนติดเป็นนิสัยแล้ว อยากเป็นคนที่มีสติดีกว่านี้ครับ เป็นไปได้ผมไม่อยากไปคิดจินตนาการปั้นแต่งเหมือนคนผิดปกติอีกครับ รบกวนท่านผู้รู้ด้วยครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าเข้าใจความจริงของสภาพธรรม ของ จิต ก็จะรู้ว่าทุกคนคิด คิดมากเหมือนกัน ไม่มีใครจะคิดน้อย เพราะเมื่อเห็นแล้ว เห็นเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เห็นเป็นดอกไม้ เห็นเป็นคน เห็นตัวเองในกระจก เห็นแปรงสีฟัน หรือเห็นเป็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ขณะนั้นคิดนึกแล้ว จะเห็นได้ว่าคิดนึกมากแค่ไหน ในแต่ละวัน และคิดมากๆ ทุกคน เพราะฉะนั้น ไม่มีใครห้ามไม่ให้คิดได้เลย ไม่มีใครห้ามไม่ให้คิดมาก เพราะต้องเป็นไปตามธรรม เป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่ หนทางการเข้าใจความจริง คือ การเข้าใจถูกว่า อะไรที่คิด เรา หรือ ธรรม เพราะไม่รู้ความจริง ถูกกิเลส คือ ความไม่รู้และความเห็นผิด หลอกว่า เป็นเราที่คิดมาก แต่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงว่า ไม่มีเราที่คิดมาก แต่เป็นธรรมที่เป็นไป คือ จิต เจตสิกที่คิดนึก เมื่อเข้าใจว่าเป็นธรรม ก็เบาสบาย เพราะ ไม่มีเราที่คิด มีแต่ จิต เจตสิกที่ไม่ใช่เราทำหน้าที่ เพราะฉะนั้น จะมีสติ คือ การระลึกถูกได้ ไม่ใช่การบอกให้ทำอะไรอย่างนั้น อย่างนี้ ไม่ให้บอกให้หยุดคิด เป็นไปไม่ได้ แต่ เหตุ คือ การฟังพระธรรมต่อไปเรื่อยๆ ความเข้าใจถูกที่เกิดจากการฟัง ก็จะปรุงแต่งให้เกิด สติและปัญญา เข้าใจถูกว่า คิดไม่ใชเ่ราคิดเป็นแต่เพียงธรรม เบาสบายขึ้น เมื่อเข้าใจว่าคิดไม่ใช่เรา ขออนุโมทนาครับ

เชิญอ่านคำบรรยาย ท่านอ.สุจินต์ ได้ครับ

ท่าน อ.สุจินต์ : ถ้าจิตไม่เกิดอะไรคิดคะ แล้วเมื่อกี้เป็นเราคิดกับจิตคิดได้อย่างไร ก็จิตนั่นแหละคิด แต่ไม่รู้ว่าคิด ก็เลยเป็นตัวเราคิด ก็ยึดถือจิตที่คิดว่าเป็นเรา อะไรก็ตามนะคะ ที่มีและกำลังปรากฏแล้วไม่รู้ ก็ยึดถือสิ่งเหล่านั้น ด้วยความเป็นเรา เพราะมีสิ่งนั้น เช่นเห็นเดี๋ยวนี้ แล้วก็ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้ความจริงของเห็น กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ก็เป็นเรา เพราะมีสิ่งที่เห็น เพราะฉะนั้น ก็ยึดถือสิ่งที่เห็นนั่นแหละว่าเป็นเรา ด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้น เวลาที่คิดไม่ใช่มีจิตคิดกับเราคิดต่างหาก ถ้าไม่มีจิต อะไรคิด ถ้าไม่มี เพราะฉะนั้น เราก็ไม่มี แต่เมื่อมีจิตคิด ก็ยึดถือว่าเป็นเราคิด.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 6 ส.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประโยชน์จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็เพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีจริง ที่กำลังมี กำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง ซึ่งสิ่งที่ศึกษานั้น ไม่พ้นจากขณะนี้เลย ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ถึงแม้จะมีสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้ แต่เพราะไม่รู้ จึงต้องศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ

คิด เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย บังคับไม่ให้เกิดก็ไม่ได้, ขณะที่คิด อะไรที่มีจริง ก็ต้องเป็น จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง (และเมื่อจิตเกิดขึ้น ก็ต้อง มีสภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต คือ เจตสิก ด้วย) ส่วนเรื่องราวที่จิตคิดนั้นไม่ใช่สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่รูปธรรมและนามธรรม แต่เป็นบัญญัติเรื่องราวต่างๆ เรื่องราวต่างๆ นั้น เป็นสิ่งที่จิตรู้ เรื่องราวจึงเป็น อารมณ์ของจิต ที่กำลังคิดในขณะนั้น ซึ่งก็จะเข้าใจไปถึงคำว่า อารมณ์ ด้วย เพราะสิ่งใดก็ตามที่จิตรู้สิ่งนั้นเป็น อารมณ์ ของจิต

เมื่อฟังบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ขาดการฟังพระธรรม ความเข้าใจถูก เห็นถูก ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น และ เมื่อฟังพระธรรมบ่อยๆ เนืองๆ ก็ย่อมจะเกื้อกูลต่อการที่จะได้คิดถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟังเป็นการได้ทบทวน แทนที่จะไปคิดถึงเรื่องอื่นซึ่งเป็นไปกับอกุศลมากมาย ก็ขอให้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ต่อไป นะครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
panasda
วันที่ 6 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
worrasak
วันที่ 8 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
wannee.s
วันที่ 10 ส.ค. 2561

สะสมมาที่จะคิดอย่างนั้น ทางเดียวที่จะแก้คือการอบรมปัญญาจนกว่าจะรู้ว่าแม้ความคิดนั้นเป็นธรรมะไม่ใช่เราค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 18 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
วิริยะ
วันที่ 27 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
kullawat
วันที่ 7 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
talaykwang
วันที่ 24 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ