เหนือค่ากว่าสิ่งอื่นใด
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสารสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่โรงแรม ชาน บางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
วันพุธที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๖๑
~ พูดคำที่ไม่รู้จัก ตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ จะไม่เหมือนคำของใครเลย สมกับพระนามที่เราได้ยินว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ยิ่งใหญ่กว่าใครทั้งสิ้น เพราะเหตุว่า ทรงมีพระปัญญาคุณที่ทรงตรัสรู้ความจริง แม้เทวดาหรือพรหม ยังต้องเข้ามาเฝ้าพระองค์
~ คนที่ไม่ได้สะสมมา จะเมินเฉยต่อพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและพระอริยสงฆ์ เพียงแต่กล่าวตามว่าขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง (โดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย)
~ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้ตรัสรู้ด้วยพระปัญญาคุณ ที่จะรู้ความจริงที่คนอื่นรู้ไม่ได้ แม้แต่ขณะนี้ก็มีความจริงที่คนอื่นรู้ไม่ได้เลย ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงความจริงให้คนอื่นได้เข้าใจจนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ตามพระองค์
~ สนทนาธรรมเพื่อความเข้าใจ เพราะความคิดของแต่ละคน หลากหลายมาก แม้แต่เพียงคำเดียว เดี๋ยวนี้มีธรรมไหม?
~ ธรรมเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง แต่สามารถฟังแล้วเข้าใจได้ ซึ่งจะต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อเหตุผล เพราะเหตุว่า มรดกที่ได้รับจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ ปัญญา ความเข้าใจถูกความเห็นถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่มี เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราจะได้รับจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่อย่างอื่นเลย แต่เหนือค่ากว่าอย่างอื่นทั้งหมด เพราะสามารถรู้ความจริงซึ่งถูกปิดบังซ่อนเร้นจนกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเปิดเผย พอรู้ค่าแล้ว สมบัติใดๆ ในโลกก็เทียบเท่าไม่ได้เลย เพราะเงินซื้อไม่ได้
~ เกิดมาแล้ว ชีวิตของแต่ละคนในแต่ละวันหลากหลาย แตกต่างกันมาก เห็นอย่างเดียวกัน แต่ก็คิดกันคนละอย่าง
~ แต่ละคนนับถือพระพุทธศาสนา แต่ว่ายังไม่ได้เข้าใจพระพุทธศาสนา แล้วจะเข้าใจไหม? ถ้าไม่ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจได้เลย เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่ตรง เราบอกว่าเรานับถือพระพุทธศาสนา คือ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เราไม่รู้ว่าพระองค์ทรงสอนอะไร เพราะฉะนั้น เราไม่ได้นับถือแน่นอน แต่เพราะได้ฟังแล้วต่างหาก จึงนับถือว่า นี่คือ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทำให้นับถือพระองค์
~ กรรมไม่ได้มีเฉพาะชาตินี้ ชาตินี้ก็มีกรรมมากแล้ว ไม่รู้ว่ากรรมใดจะให้ผลเมื่อใด และกรรมในชาติก่อนๆ ตั้งแสนโกฏิกัปป์มาแล้วยังสามารถที่จะให้ผลได้ เพราะฉะนั้น กรรมที่ทำให้เกิด ยังประมวลมาซึ่งกรรมอื่นในสังสารวัฏฏ์ที่จะสามารถให้ผลได้ในชาตินั้น เลือกไม่ได้เลย จะตาบอดวันไหน จะแขนหักวันไหน จะได้รับลาภวันไหน จะเสื่อมลาภวันไหน มีเหตุทั้งนั้น ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้ ทุกคนก็จะทำแต่ความดี
~ ความเข้าใจต่างหากที่จะทำให้ทุกอย่างถูกต้องขึ้นและเป็นประโยชน์ขึ้น
~ ถ้าขาดการศึกษาธรรม หรือหรือศึกษาเพียงเผินๆ แล้วผิดไป ก็คือ การทำลายพระพุทธศาสนา ผล คือ เสียประโยชน์ เป็นโทษแก่ประเทศชาติและคนนั้นเอง เพราะอะไร? เกิดใหม่เขาก็เห็นผิดอยู่อย่างนั้นอีก เพราะสะสมมาแล้วที่จะเห็นผิด เหมือนกับคนที่ไปไหว้จอมปลวก เป็นต้น
~ ไม่มีใครที่จะไปทำอะไรได้ แต่ปัญญาความเข้าใจถูกต้องต่างหากที่ทำให้เป็นคนตรงขึ้น รู้ว่าอะไรเป็นเหตุ รู้ว่าอะไรเป็นผล รู้ว่าผลอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้จากเหตุอะไร หรือเหตุอย่างนี้จะทำให้ผลอะไรเกิดขึ้น
~ ไม่ต้องห่วง ถ้าเรามีความเข้าใจแล้วถึงที่สุดแล้ว ใครจะไปยับยั้งได้ รับประทานอาหารอิ่มแล้วบอกว่าไม่ให้อิ่มได้ไหม ก็อิ่มแล้ว? เพราะฉะนั้น ปัญญาก็เหมือนกัน อย่างพระอริยะทั้งหลายในสมัยพุทธกาล ไม่ได้รู้ล่วงหน้าเลย ท่านพระสารีบุตรไม่ได้รู้ล่วงหน้าเลยว่าท่านจะได้พบท่านพระอัสสชิ และไม่ได้รู้ด้วยว่าพระอัสสชิจะพูดอะไร แต่พอฟังแล้ว การสะสมมาทั้งหมด แค่คำนั้นที่ได้ฟัง ก็สามารถที่จะทำให้ถึงความเป็นพระโสดาบัน เพราะเข้าใจจริงๆ
~ หนทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นหนทางละตลอดสาย หวังเมื่อไหร่ ไม่ถึง เพราะโลภะ กั้น
~ อะไรจะเกิดขึ้นก็ไม่หวั่นไหว เพราะมีความเข้าใจพอ สิ่งนั้นมีปัจจัยจึงเกิดขึ้น ไม่ใช่มีใครไปทำอะไร ถ้ามีคนมายิงเรา ตีเราเจ็บ เขาทำเราหรือเปล่า? ไม่เลย แต่เป็นเพราะกรรมของเราต่างถึงคราวให้ผล
~ สติ เป็นสภาพธรรมที่ระลึกเป็นไปในกุศล อย่างเช่น เรามีเสื้อตั้งหลายตัว บางตัวก็ไม่ได้ใส่เลย ถ้าสติไม่เกิด ก็ไม่ให้ ยังอยู่ตรงนั้นแหละเป็นปีๆ แต่พอสติเกิดระลึกเป็นไปในการให้ จึงให้เพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่น ไม่ใช่เราเลยสักอย่างเดียว แต่เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย
~ มีความเข้าใจว่า สิ่งใด เป็นโทษ สิ่งใดเป็นประโยชน์ ปัญญานำไปในกิจทั้งปวงที่เป็นกุศลที่ดีงามที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่เราเลย แต่ความเข้าใจธรรมจะค่อยขัดเกลา ถ้ายังหนาแน่น ยังเป็นเราเหมือนเดิมที่มีกิเลสมาก เห็นแก่ตัว ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ไม่ได้ทั้งนั้น แล้วจะละกิเลสได้อย่างไร?
~ พระพุทธรูป ไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่พระคุณต่างหาก กล่าวคือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ ใครอยู่ไกลแสนไกล พระองค์ก็เสด็จไป เพื่อเขาจะได้เข้าใจธรรม เพราะว่าที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพระองค์เองเท่านั้น แต่เพื่อสามารถที่จะทำให้คนอื่นได้รู้ตามด้วย ด้วยพระมหากรุณา, สำหรับเราทั่วไป เรามีเมตตาความเป็นมิตรหวังดีพร้อมที่จะให้ประโยชน์เกื้อกูล กรุณาเมื่อเขามีทุกข์ให้เขาได้พ้นทุกข์เท่าที่เราสามารถที่จะกระทำได้ แต่สำหรับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (ทรงมี) พระมหากรุณา เพราะสัตว์โลก เป็นทุกข์ ไม่ว่าจะอยู่ภพภูมิไหน
~ ขณะใดที่มีโอกาสได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะนั้น กำลังสะสมความเป็นผู้มีเหตุมีผล
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นปัญญา ทั้งหมด ถ้าไม่ได้อาศัยคำจริงแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วปัญญาจะมาจากไหน?
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...