หากสงสัยว่าตนเองบรรลุธรรมอันควร หรือไม่
ผู้ที่ได้อบรมเจริญปัญญาจนประจักษ์แจ้งนามธรรมและรูปธรรม บรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคล ย่อมไม่มีความสงสัยในคุณธรรมของตน เพราะผู้นั้นเป็นผู้ละความสงสัย (วิจิกิจฉา) ได้แล้ว ในพระไตรปิฎกแสดงองค์คุณของพระโสดาบันบุคคลว่าเป็นผู้มีความมั่นคงในพระรัตนตรัย มีศีลบริสุทธิ์
พระอริยบุคคลย่อมไม่หลง ไม่สงสัยในธรรมที่ได้บรรลุ เพราะเมื่อมัคควิถีดับไปแล้ว ปัจจเวกขณะวิถีต้องเกิดต่อทุกครั้ง (หลังจากที่ภวังค์ดับไปแล้วหลายขณะ) เพื่อพิจารณามัคคจิตวาระ ๑ ผลจิตวาระ ๑ พระนิพพานวาระ ๑ กิเลสที่ดับแล้ววาระ ๑กิเลสที่ยังเหลือวาระ ๑ รวมเป็นปัจจเวกขณะวิถี ๕ วาระ เพราะฉะนั้น พระอริย-บุคคลจึงไม่เข้าใจผิดในคุณธรรมที่ตนได้บรรลุแน่นอนค่ะ
พระโสดาบันท่านละความเห็นผิด ละวิจิกิจฉา ละอคติ 4 คือ ลำเอียงเพราะรัก เพราะชัง เพราะหลง และท่านก็มีศีล 5 บริสุทธิ์ ท่านมีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัย ไม่สงสัยในคุณธรรมของพระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ และท่านก็ไม่สงสัยในคุณธรรมของท่านด้วยว่าบรรลุหรือไม่ การที่จะบรรลุเป็นพระโสดาบันไม่ใช่ของง่าย ท่านจะต้องผ่านวิปัสสนาญาณทั้ง 16 ในสังสารวัฎฎ์แค่วิปัสสนาญาณที่ 1 นามรูปปริจเฉทญาณยังเกิดยากเลย