ฆ่าสุนัขที่ทรมานด้วยการยิงปืนใส่
อยากจะขอความเห็นพร้อมกับสารภาพบาปครับ เนื่องจากที่บ้านมีสุนัขอยู่ 1 ตัว ป่วยเป็นโรค พาไปหาหมอแล้ว หมอบอกว่ารักษาไม่ได้ อวัยวะข้างในมันพังแล้ว อวัยวะภายนอกเลยเริ่มโทรมตาม แล้วมันขยับไม่ได้ กินข้าว กินน้ำ กินอะไรไม่ได้เลย นอนอยู่อย่างเดียว เสียงร้องก็ดังแบบแผ่วๆ ช่วงที่ผ่านมาผมก็พยายามป้อนข้าวป้อนน้ำมันตลอด คอยลงไปลูบหัวมัน คุยเล่นกับมัน มันก็ทำได้แค่เหลือบตาไปมา บวกกับที่บ้านมีแม่ผมที่ป่วยเหมือนกัน เป็นพวกความดัน สุขภาพไม่ดี เวลากลางวันแม่ก็จะอยู่บ้านคนเดียว กลิ่นเยี่ยว กลิ่นอุจจาระก็จะส่งกลิ่นเหม็น แล้วแม่ผมก็เก็บพวกนั้นไม่ได้เพราะความดันจะขึ้น แล้ววันนี้ผมกลับมาถึงบ้านเนื่องจากไปต่างจังหวัดมา แม่ผมก็อาการไม่ดี บ่นเรื่องหมาตัวที่ป่วยว่ากลิ่นเหม็นอย่างโน้นกลิ่นเหม็นอย่างนี้จนความดันจะขึ้น ด้วยความที่ผมเพิ่งกลับมาจากต่างจังหวัดเหนื่อยๆ ผมเลยเกิดอาการเครียดตามไปด้วย ผมคิดแล้วคิดอีก สุดท้ายผมเลือกที่จะหยิบปืนที่มี (มีทะเบียน มีใบอนุญาตทุกอย่าง) เดินลงไปแล้วลั่นไกใส่ที่ขมับของหมา มันแน่นิ่งลงทันที หลังจากนั้นผมก็ทำการขุดและฝังด้วยตัวเองทั้งที่มือยังสั่นเพราะความเสียใจและความรู้สึกผิด ข้างบ้านถาม ผมก็ตอบตามตรงไม่มีโกหกใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อให้เขาเข้าใจถึงการกระทำของเรา
ผมจะบาปมากไหมครับ?
แล้วผลที่ตามมาในแง่ของเวรของกรรมจะเป็นอย่างไรบ้างครับ?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๕๑๘
"ถ้าท่านทั้งหลายกลัวความทุกข์ ถ้าความทุกข์ ไม่เป็นที่รัก ของท่านทั้งหลายไซร้ ท่านทั้งหลายอย่าได้ทำบาปกรรม ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับเลย ถ้าท่านทั้งหลายจักทำหรือทำอยู่ ซึ่งบาปกรรมไซร้ ท่านทั้งหลายแม้จะเหาะหนีไป ก็ย่อมไม่พ้นไป จากความทุกข์เลย"
(พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน กุมารกสูตร)
การฆ่าสัตว์ เป็นอกุศลกรรมบถ เป็นบาป เป็นการล่วงศีล เป็นการสะสมเหตุที่ไม่ดี ไม่ว่าจะฆ่าสัตว์ประเภทใดก็ตาม ก็คือ ฆ่า เป็นความชั่ว ไม่ใช่ความดี ไม่ว่าจะเป็นใครทำ ก็คือ ทำชั่ว กรรมที่ทำนี้ ก็สะสมสืบต่ออยู่ในจิต เมื่อถึงคราวที่กรรมนี้จะให้ผล ก็ให้ผลนำเกิดในอบายภูมิได้ หรือ ให้ผล เป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ หลังจากที่เกิดแล้ว ได้ เมื่อว่าโดยความเป็นเหตุ เป็นผลแล้ว เหตุไม่ดี ย่อมให้ผลเป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ เท่านั้น
ผู้ที่ได้เกิดมามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดำเนินไป เป็นไปในแต่ละวันๆ นั้น คงไม่มีใครอยากจะถูกคนอื่นฆ่า (หรือแม้กระทั่งการถูกเบียดเบียน ไม่ถึงกับสิ้นชีวิต ก็ไม่ปรารถนา) แต่ว่า เวลาที่บุคคลหนึ่งบุคคลใด จะฆ่าผู้อื่น ซึ่งต้องเป็นด้วยอำนาจของอกุศลจิตที่มีกำลัง ทำให้ลืมคิดถึงบุคคลหรือสัตว์ที่จะถูกฆ่าว่าบุคคลหรือสัตว์นั้นย่อมไม่มีความปรารถนาที่จะถูกฆ่าอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ ประเภทใดๆ ก็ตาม นี่เป็นความจริง ดังนั้น ตนเองรักสุข เกลียดทุกข์ ฉันใด คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์ ฉันนั้น จึงไม่ควรฆ่า ไม่ควรเบียดเบียนซึ่งกันและกัน แม้ด้วยวิธีการใดๆ เลย
สิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ขอให้ตั้งต้นใหม่ ด้วยคุณความดี เพราะความดี ไม่นำมาซึ่งความเดือดร้อนใจในภายหลังเลยแม้แต่น้อย ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...