เห็นคุณของความดี สนทนาธรรมที่ เชียงใหม่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่คณะอุตสาหกรรมเกษตร
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
และ
ที่บ้าน ดร.มล.ญาศินี จักรพันธุ์
จ.เชียงใหม่
วันพุธที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๖๑
~ พระธรรมหายากยิ่ง เพราะเป็นคำของผู้ที่ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ที่เรากราบไหว้กันทุกคน คือ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ยุคนี้สมัยนี้เห็นแต่กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) เต็มบ้านเต็มเมืองทุกวงการ พระอรหันต์คือผู้ที่ดับกิเลสไม่เหลือเลย ประเสริฐไหมที่จะเป็นผู้ไม่มีกิเลส? เพราะเหตุว่า ผู้มีกิเลส เพราะกิเลสทำให้เป็นคนไม่ดี แต่ผู้ที่ไม่มีกิเลส จะไม่มีสิ่งที่จะไม่ดีเลย เพราะฉะนั้น ทุกคนในโลกนี้กำลังลำบากเพราะเหตุว่ามีคนมีกิเลสมาก เดี๋ยวฆ่า เดี๋ยวทุจริตทุกวงการ ไม่เว้นเลย
~ พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษา แม้จะผ่านมาแล้ว ๒,๕๐๐ กว่าปี แต่ก็ยังเป็นความจริงซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกชีวิต
~ ฟังธรรม ประโยชน์เพื่อเข้าใจจริงๆ การที่เข้าใจความจริงนั่นแหละเป็นบุญ แต่ถ้าฟังเพื่อจุดประสงค์อื่น ไม่ใช่บุญ
~ ไม่ต้องไปหาธรรมที่ไหนเลย เพราะมีธรรมตลอดเวลา แต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ สิ่งที่มีจริงทุกอย่าง ใช้คำว่า ธรรม ได้ เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง ซึ่งใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะฉะนั้น ไม่ต้องไปหาธรรมที่ไหนเลย เพราะมีธรรมตลอดเวลา แต่ไม่รู้จักธรรมจนกว่าจะฟังพระธรรมซึ่งแสดงถึงสิ่งที่มีจริงๆ แล้วค่อยๆ เข้าใจว่าเป็นธรรม
~ เสียงเป็นธรรม ได้ยินก็เป็นธรรม ทั้งสองอย่างก็เป็นธรรม แต่ต่างกันตรงไหน? ต่างกันที่เสียงไม่สามารถจะรู้อะไรเลยทั้งสิ้น แต่ได้ยินขณะนั้น ได้ยินเสียง คำว่าได้ยินเสียง ก็คือ ได้ยินเสียงที่ปรากฏว่าเสียงนั้นเป็นอย่างนั้นไม่เป็นเสียงอื่น
~ ถ้าผู้ใดสามารถที่จะมีความเข้าใจพระธรรม ชีวิตก็จะมีประโยชน์ยิ่งขึ้น จนกว่าจะถึงวันที่จะจากโลกนี้ไป
~ จริงๆ แล้ว ถ้าแยกทุกส่วนออกไป ก็คือว่า ไม่มีเราเลย แต่เพราะไม่รู้จึงหลงยึดถือตั้งแต่เกิดจนตายว่าเป็นเรา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระปัญญาเหนือบุคคลใด พระองค์ทรงแสดงธรรมตลอด ๔๕ พรรษา แสดงว่า ยาก ลึกซึ้งไหม? แล้วถ้าไม่เป็นสิ่งที่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะตรัสไหม? เพื่อใคร? เพื่อให้คนฟังได้เข้าใจถูกต้อง แม้สักเพียงคนเดียวอยู่แสนไกล ด้วยพระมหากรุณาของพระองค์ ก็เสด็จไป เพราะรู้ว่าเมื่อเขาได้ฟังแล้วเขาจะมีความเข้าใจที่ถูกต้องซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง เพราะความเข้าใจก็จะติดตามไปให้เข้าใจขึ้นๆ ทุกชาติ
~ โกรธเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นเจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดประกอบพร้อมกับจิต)
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะให้ปัญญาของพระองค์แก่ใครได้เลย แต่ว่าพระองค์ทรงแสดงธรรมความจริงจากทุกคำที่จะทำให้คนอื่นสามารถที่จะเข้าใจได้ เพราะฉะนั้น คำของพระองค์จะทำให้คนที่ฟังพิจารณาไตร่ตรองเกิดความเข้าใจเป็นของตนเอง ซึ่งคนอื่นก็ลักขโมยไปไม่ได้ น้ำไฟแตะต้องไม่ได้ แต่อยู่ในใจ
~ ถ้าถามให้คิด ว่า คนเก่งในโลก ที่เราคิดว่าเขาเก่งมาก ไม่ว่าจะในทางหนึ่งทางใด มีปัญญาหรือไม่? ไม่มีปัญญา เพราะว่าไม่รู้ความจริงของเดี๋ยวนี้ เมื่อไม่รู้ความจริงของเดี๋ยวนี้ซึ่งมีจริงๆ แล้วจะเป็นปัญญาได้อย่างไร
~ พระธรรมแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นธรรมเดช คือ มีกำลังสามารถที่จะเผาความไม่รู้ให้หมดไปได้ จากความไม่รู้เลยแล้วได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ฟังด้วยดี โดยความเคารพ สามารถที่จะเกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้องซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อน
~ พระภิกษุที่ไม่เข้าใจธรรม เข้าใจผิด ไม่รักษาพระธรรมวินัย จึงไม่สามารถที่จะรู้แจ้งความจริงได้ ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่มีโอกาสที่จะเป็นสังฆรัตนะ
~ ความรู้ทุกอย่างเป็นประโยชน์ ไม่เสียหายเลย แต่ว่าความรู้จริงที่เป็นประโยชน์กว่าสิ่งใดทั้งสิ้น ก็คือ ความรู้ธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว
~ หนทางของการอบรมเจริญปัญญา ทำให้มีความเข้าใจที่ถูกต้องในแต่ละหนึ่งว่าไม่ใช่เราและไม่สามารถจะไปทำให้อะไรเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น แต่เกิดต่อเมื่อมีปัจจัยที่สมควร
~ ขณะที่อกุศลธรรมทั้งหลายเกิด ไม่สามารถทำให้เข้าใจธรรมได้ แต่ก็อย่าประมาทปัญญา เพราะว่า ขณะนี้กำลังเกิดปัญญา ท่ามกลางอกุศล อกุศลมากกว่าเยอะ แต่ปัญญาก็ยังเกิด เพราะฉะนั้น ปัญญาก็จะค่อยๆ เกิด ค่อยๆ เจริญขึ้น ไม่ใช่เราไปทำเลย เพราะฉะนั้น ขาดปัญญาไม่ได้ และปัญญาก็เกิดเองไม่ได้ นอกจากฟังพระธรรมและไตร่ตรองจนกระทั่งค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ คนที่ยังมีกิเลส เมื่อมีทุกข์กาย ก็เป็นเหตุให้มีทุกข์ใจด้วย แต่คนที่หมดกิเลสแล้ว แม้จะมีทุกข์กาย แต่ทุกข์ใจไม่มี
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นคำที่ทำให้เกิดความเห็นถูกความเข้าใจถูกตามความเป็นจริง แต่คำของคนอื่นเป็นตัวตนและพยายามที่จะให้ตัวตนมีความสุขพ้นจากทุกข์
~ ธรรมทั้งหมด ฟังเพื่อให้รู้ว่าไม่ใช่เรา เพื่อเข้าใจขึ้นๆ และสภาพธรรมที่เข้าใจกำลังทำหน้าที่ สังสารวัฏฏ์ที่ยาวนานมาแสนโกฏิกัปป์ อวิชชา (ความไม่รู้) และโลภะ (ความติดข้อง) มากมาย จนแม้เดี๋ยวนี้เราก็กำลังเข้าใจธรรมท่ามกลางอกุศล เพราะฉะนั้น (นานแสนนาน) กว่าเราจะมีความมั่นคงจริงๆ ว่าฟังเพื่อเข้าใจ และความเข้าใจก็ไม่ใช่เรา ความเข้าใจกำลังทำหน้าที่ไปทีละเล็กทีละน้อย
~ คนที่มั่นคงในธรรม ไม่ประมาทในกุศลแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก่อนอาจจะคิดถึงแต่กุศลใหญ่ๆ ที่จะทำ แต่พอฟังธรรมแล้ว แม้หนึ่งขณะที่เป็นกุศลก็ไม่พลาดที่จะทำถ้าขณะนั้นเห็นประโยชน์เห็นคุณค่าของกุศลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจธรรมได้ ไม่ใช่เรา แต่ปัญญาเท่านั้นที่กำลังทำหน้าที่ แม้แต่คิดถูกก็เป็นปัญญาระดับหนึ่ง
~ ไม่ค่อยจะขอโทษใคร แต่พอมีความเข้าใจถูก ถ้าเราทำผิด เราก็ขอโทษ เป็นกุศลไหมขณะที่ขอโทษ ทำให้ผู้อื่นโล่งใจ
~ จริงๆ แล้ว เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้มานานเท่าไหร่ แค่วันนี้ (ความไม่รู้ก็มาก) แล้วถอยย้อนไปอีกเท่าไหร่ (ความไม่รู้จะมากสักแค่ไหน) แล้วอะไรจะไปละความไม่รู้ ถ้าไม่ใช่ความรู้ และความรู้จะเกิดขึ้นทันทีมากมายมหาศาลไม่ได้ ต้องเป็นความจริงใจความตรงและความเห็นถูก ว่า ถูกคือถูก ผิดคือผิด ถ้ายังเห็นว่าผิดเป็นถูก ถูกเป็นผิด ไม่มีทางที่จะรู้ความจริงได้เลย
~ ไม่เว้นโอกาสที่จะเป็นกุศล (ความดี) เพราะปัญญาเห็นคุณของกุศล ถ้าขณะใดกุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล ประมาทแล้ว เพราะฉะนั้น คนที่มีปัญญา ขณะนั้นปัญญาต่างหากที่ทำให้เจริญกุศลทุกประการ ที่เป็นสัพพสัมภารภาวนา (เจริญกุศลทุกประการ)
~ เพราะไม่เข้าใจ เลยวุ่นวายกันด้วยอกุศล
~ อนุโมทนา (ชื่นชมในความดีของผู้อื่น) ทันที อกุศลทั้งหลายก็ไม่เกิด กุศลของเขาสำเร็จแล้ว ก็น่าอนุโมทนามิใช่หรือ? เห็นใครทำกุศล เราก็อนุโมทนา เขาจะได้ปีติ (เอิบอิ่ม,ปลาบปลื้ม) ดีใจ
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่งและกราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกขณะที่เข้าใจพระธรรมคำจริงค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาขอบคุณท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย คณะวิทยากร เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครของมศพ.รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวของทุกท่าน