จิตรวมคือ?

 
Selaruck
วันที่  14 ต.ค. 2561
หมายเลข  30170
อ่าน  3,415

เรียน ท่านอาจารย์วิทยากรและสมาชิกชมรม

มีเพื่อนสนิทมาเยี่ยม และได้สนทนาธรรมกัน เพื่อนเป็นผู้ทำสมาธิ และเข้าใจว่าปัญญาจะเกิดผุดเหมือนคำถามและคำตอบมาเองขณะนั่งสมาธิ และหลายครั้งเกิดภาวะจิตรวม

สภาพจิตรวมมีหรือไม่อย่างไรในพระไตรปิฎก

เพื่อนถือศีลห้า มีพระธาตุ (ที่เธอเข้าใจ) ที่มีการเปลี่ยนแปลงคือเพิ่มจำนวน และยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่ตนทำคือการนั่งสมาธิและถือศีลห้านี้เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระธาตุเพิ่ม และมั่นใจว่าสิ่งที่ตนทำนี้ถูกทางแล้ว และแอบๆ คิดว่าตนบรรลุธรรมบางขั้น

ดิฉันฟังแล้วแต่ก่อนเคยตื่นเต้นด้วย แต่หลังจากที่ได้ศึกษาธรรมกับท่านอาจารย์ และท่านวิทยากรของมูลนิธิ ดิฉันมีความรู้สึกเฉยๆ เพียงอนุโมทนาด้วยกับกุศลจิตของเพื่อนที่ดำเนินในศึลห้า

แต่เพื่อนก็ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาแม้คำว่าธรรมะคืออะไร จิตคืออะไร แต่บอกว่าเกิดสภาพจิตรวม

กราบท่านอาจารย์กรุณาอธิบายคำว่าจิตรวมด้วยค่ะ จักขอบพระคุณยิ่ง

หมายเหตุ: เคยอ่านพบคำว่า จิตรวม ในหนังสือของพระภิกษุสายวัดป่าหลายท่าน

กราบขอบคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 17 ต.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

จิตรวมคำนี้ไม่มีในคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยทั่วไป ผู้ที่กล่าวว่า จิตรวม มุ่งหมายถึง การที่จิตมีอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใด แต่ในความเป็นจริงแล้ว จิตเป็นสภาพธรรมที่รู้อารมณ์ เป็นใหญ่ในการรู้ เพราะฉะนั้นก็ต้องมีอารมณ์แน่นอน คือ สิ่งที่ถูกจิตรู้ และ จิตที่เกิดขึ้น จะต้องมีอารมณ์เพียงหนึ่งเดียวในขณะนั้น เช่น จิตเห็นเกิดขึ้นก็มีสิ่งที่ปรากฏทางตา เป็นอารมณ์ เพราะฉะนั้น ที่กล่าวว่า จิตรวม คือ การมีอารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดอย่างเดียวในขณะนั้น เพราะฉะนั้น แม้ไม่ไปทำสมาธิ จิตก็มีอารมณ์เดียวตลอดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด ตั้งแต่ คำว่าจิตคืออะไร ก็ไม่รู้ ธรรม คืออะไรก็ไม่รู้ ปฏฏิบัติคืออะไรก็ไม่รู้ จึงไปปฏิบัติผิด ละใช้คำศัพท์ผิด และสำคัญผิดว่า การนิ่ง คือ ความสงบ แต่ไม่ได้สงบจากกิเลสเลย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Selaruck
วันที่ 18 ต.ค. 2561

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในคำอธิบายค่ะ

เป็นบุญดิฉันมากที่ได้ฟังและศึกษาพระธรรมของพระสัมมามาสัมพุทธเจ้า จากท่านอาจารย์สุจินต์ และท่านอาจารย์วิทยากรที่มูลนิธิฯ

ยิ่งให้ประจักษ์แจ้งว่าพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความละเอียดยิ่ง และต้องเข้าใจเป็นขั้นเป็นตอน ไม่ใช่การไปนั่งหลับตาแล้วเกิดปัญญาผุดขึ้นมาเอง

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 18 ต.ค. 2561

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตั้งแต่เกิดจนตาย พูดคำที่ไม่รู้จักจริงๆ จนกว่าจะได้ฟังพระธรรม และ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่มีทางที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริงได้เลย

จิต เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นสภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์ เป็นสภาพธรรมที่สั้นแสนสั้น มีอายุเพียงแค่ขณะทีเกิดขึ้นขณะที่ตั้งอยู่และขณะที่ดับไปเท่านั้น เมื่อจิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับไปก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อ เมื่อกล่าวถึงจิตแล้ว ไม่ใช่ว่าจะต้องมีเฉพาะจิตเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีสภาพธรรมอีกประเภทที่เกิดร่วมกับจิต นั้นด้วย เมื่อเกิดร่วมกับจิต ก็ต้องรู้อารมณ์เดียวกันกับจิต ดับพร้อมกับจิต สภาพธรรมที่กล่าวนั้น คือ เจตสิก

จิต เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน จิตขณะหนึ่งเกิดแล้วดับก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที เป็นจริงอย่างนี้ และ มีจริงในชีวิตประจำวันด้วย ไม่เคยขาดจิตเลยแม้แต่ขณะเดียว มีจิตเกิดดับสืบต่อกันอยู่ตลอดเวลา ไม่ได้มีจิตเกิดพร้อมๆ กันหลายขณะ เพราะจิตเกิดดับทีละขณะ ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
2491surin
วันที่ 20 ต.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Selaruck
วันที่ 22 ต.ค. 2561

ชัดแจ้งยิ่งค่ะในคำอธิบาย หากเพื่อนเขามีบุญที่สะสมมา คงจะได้มีโอกาสได้ฟังสิ่งที่มีจริงนี้

กราบขอบคุณและกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์คำปั่น และอาจารย์เผดิมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ