อาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
khampan.a
วันที่  15 ต.ค. 2561
หมายเลข  30172
อ่าน  2,091

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม

ที่บ้านคุณทักษพล-คุณจริยา เจียมวิจิตร

วันจันทร์ที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๖๑



~ ถ้าไม่มีการได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็ไม่สามารถที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย เพราะว่า การที่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เพียงแค่การเห็นพระพุทธรูปหรือว่าการอ่านหนังสือพระไตรปิฎก แต่ว่า ต้องเป็นความเข้าใจสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว ๔๕ พรรษา ซึ่งแม้ว่าเวลาจะผ่านมา ก็ยังมีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟัง

~ การที่จะเคารพบูชาสูงสุดต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือ ฟังคำของพระองค์ ไตร่ตรองและเข้าใจคำที่ได้ยินได้ฟัง

~ หนึ่งชาติที่เกิดมาเป็นคนนี้ แล้วก็จะเป็นคนนี้ได้อีกไม่นาน ไม่มีใครรู้ว่าจะเป็นคนนี้นานเท่าไหร่ ต่อไปก็จะเป็นคนใหม่ เพราะฉะนั้น คนใหม่ก็มาจากคนนี้ คนนี้ทำอะไรไว้สืบเนื่องมาจากแสนโกฏิกัปป์ ก็จะปรุงแต่งให้ขณะต่อไปจากโลกนี้ สู่โลกอื่น เป็นคนใหม่ และไม่รู้ว่ากรรมที่ได้ทำมาแล้วทั้งหมด กรรมไหนจะให้ผล เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่ละเว้นแต่ละโอกาส ต่ละขณะมีค่าอย่างยิ่งที่ได้เข้าใจพระธรรม เพราะว่า ถ้าไม่มีแต่ละหนึ่งขณะ จะไม่มีทางที่จะเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น

~ การฟังธรรมไม่ใช่เพื่ออะไรอื่นเลย แต่เพื่อเข้าใจ และ การเข้าใจธรรม ก็จะเป็นการรู้จักพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และรู้ว่า การบูชาพระองค์ ก็คือด้วยความเข้าใจของแต่ละบุคคล

~ ถ้าไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะอยู่ในโลกของความไม่รู้ ซึ่งขณะนี้ทั้งๆ ที่เกิดดับ ก็ไม่รู้ ไม่รู้อะไรสักอย่างเดียว

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ตามความเป็นจริง ว่า ธรรมทั้งหลาย ทั้งหมดไม่เว้นเลย เป็นอนัตตา อนัตตา หมายความว่า ไม่ใช่เรา เป็นของใครไม่ได้ แต่เป็นแต่ละหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นแล้วก็ดับไป

~ ธรรมไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ทั้งไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา และไม่ใช่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของเราด้วย ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ลึกซึ้ง ต้องเริ่มด้วยการที่ว่าขณะที่กำลังฟัง คำเดียวเข้าใจจริงๆ หรือยัง ขอให้เข้าใจอย่างมั่นคง ไม่เปลี่ยนแปลง ว่า ธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่เรา ทุกอย่างที่เข้าใจ (ผิด) ว่าเป็นเรา นั้น แท้ที่จริงแล้ว เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง

~ อาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พึ่งคำสอนของพระองค์ เพื่อจะรู้ว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก

~ ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเข้าใจหรือ และคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เหมือนกับคำของคนอื่นเลยทั้งสิ้น เพราะทุกคำของพระองค์ เกิดจากพระปัญญาที่ลึกซึ้ง

~ ถ้าเราฟังธรรม แล้วเราจะไปเป็นตัวตนไปทำอะไรไหม นอกจากรู้ตรงตามความเป็นจริงว่า สิ่งเดียวที่จะทำในชาตินี้ คือ ฟังพระธรรม เพื่อที่จะได้เข้าใจ แล้วปัญญาก็ทำหน้าที่ของปัญญา ถ้าไม่ฟังก็ไม่เข้าใจ

~ มั่นคงไหมในการฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเป็นคำของคนอื่น ชัดเจน ผิด ชี้ได้เลย ตอนไหน เมื่อไหร่ อย่างไร แต่คนที่กำลังเห็นผิด ไม่รู้ เพราะความเห็นผิดเกิด จะรู้ว่าอะไรถูก ได้อย่างไร

~ เรารู้ไหมว่า จากการฟังพระธรรมวันนี้ ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ เข้าใจไป ก็จะถึงวันนั้น ที่พอฟังแล้วก็สามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรม

~ แต่ละขณะเดี๋ยวนี้ มีค่ายิ่ง เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีขณะนี้ ขณะต่อไปจะมีไหม ที่มีมากๆ ก็มาจากแต่ละขณะนี้เอง เพราะฉะนั้น ประมาทแม้เพียงหนึ่งขณะก็ไม่ได้ ไม่ว่ากุศลประเภทใด แม้แต่การฟังธรรม

~ จะเกิดที่ไหน ใครก็ไม่รู้ เหมือนเราจากโลกก่อนมา เราก็ไม่รู้ว่าเราจะเกิดที่นี่ฉันใด จากโลกนี้ไปก็ไม่รู้ว่าจะไปเกิดที่ไหน ต้องตามเหตุตามปัจจัย ตราบใดที่ยังไม่ได้เป็นพระโสดาบัน ก็ยังมีโอกาสที่จะเกิดในอบายภูมิ เพราะแม้ว่าจะได้ฟังพระธรรมมากสักเท่าไหร่ก็ตาม ความเข้าใจยังไม่พอที่จะป้องกันการเกิดในอบายภูมิ จนกว่าจะประจักษ์แจ้งธรรมเป็นพระโสดาบันเมื่อไหร่ เมื่อนั้นก็จะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ

~ การฟังพระธรรม ต้องฟังอีกนาน ไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว ถ้าชาตินี้ไม่ได้ฟัง อีกนานเท่าไหร่กว่าจะได้ฟัง

~ ปัญญา รู้ จึงละความไม่รู้ ความเห็นผิด และความติดข้อง

~ ถ้าสะสมเหตุที่ดีมาแล้วที่จะได้ฟังพระธรรม ใครจะห้ามปรามอย่างไรไม่สำเร็จ เพราะว่า มีปัจจัยที่จะรู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องคืออะไร จะไม่ให้ฟังธรรมก็ไม่ได้ เพราะว่าสะสมมาที่จะเห็นประโยชน์ จะให้ทำอะไรผิดๆ ถูกชักชวน ก็ไม่ไป เพราะว่า ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะทำสิ่งที่ผิด เพราะฉะนั้น ปัญญาที่ได้สะสมมาแล้วก็จะค่อยๆ นำไปสู่ความเข้าใจขึ้น และนำไปสู่กุศลธรรมทั้งปวง เพราะเหตุว่า ปัญญา รู้ว่า อะไรดีอะไรชั่ว อะไรถูกอะไรผิด เมื่อรู้ว่าอะไรผิด จะทำสิ่งที่ผิดหรือ เพราะฉะนั้น ปัญญาจะไม่นำไปสู่ทางที่ผิดเลย แต่จะนำไปสู่ทางที่ถูก

~ แต่ละคน เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสะสมความสนใจ สะสมความศรัทธาในพระศาสนามามากน้อยเท่าไหร่ แต่ก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง แต่ละคน ในบ้านหนึ่ง ในห้องหนึ่ง คนหนึ่งฟังเพลง อีกคนหนึ่งเล่นเกม อีกคนหนึ่งฟังธรรม ตามการสะสม ใช่ไหม? หยุดไม่ให้ทำ ก็ไม่ได้ แล้วแต่การสะสม

~ ควรที่จะได้พบปะสนทนาธรรม เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อะไร เป็นคำที่คิดเอง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่าการสนทนาธรรม เป็นมงคล หมายความว่า นำมาซึ่งความเจริญในความเห็นที่ถูกต้อง



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Nataya
วันที่ 15 ต.ค. 2561

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
มกร
วันที่ 15 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
panasda
วันที่ 15 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 16 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
mammam929
วันที่ 16 ต.ค. 2561

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่งและกราบอนุโมทนาในกุศลจิตทุกขณะที่เข้าใจพระธรรมค่ะ สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 16 ต.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
สิริพรรณ
วันที่ 16 ต.ค. 2561

กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณกุศลจิตคุณทักษพล - คุณจริยา เจียมวิจิตร
และครอบครัวบ้านสวรรค์จริยาทุกท่านด้วยค่ะ

สะสมอัธยาสัยที่จะตั้งใจฟังพระธรรม ที่แสดงความจริงของสิ่งที่มีจริง แม้ในสวนที่สวยงาม ทั้งในโลกมนุษย์ และศาลาสุธัมมาบนสวรรค์ ด้วยรู้ว่า เป็นขณะที่มีค่ายิ่งในสังสารวัฎฎ์ เพราะทำให้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงเพิ่มขึ้นๆ เห็นคุณค่า และเบิกบาน ที่จะต้องฟังต่อๆ ไปอีก แม้จะใช้เวลานานแสนนาน ด้วยความเข้าใจว่า สิ่งที่มีจริง เห็นยาก รู้ได้ยาก ด้วยความละเอียด ลึกซึ้ง และแสนสั้น

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
anuraks168
วันที่ 17 ต.ค. 2561

กราบอนุโมทนาขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
vilaiwan2499
วันที่ 18 ต.ค. 2561

ขอนอบน้อมในพระธรรม

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ