ไม่พลาดโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิต
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท
วันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๖๑
~ การฟังธรรม เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์มาก เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไม่ได้ยินคำของพระองค์ เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจตั้งแต่ต้น ทุกคำที่ได้ฟัง เป็นคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสด้วยพระองค์เองจากการที่ได้ทรงตรัสรู้ การตั้งจิตไว้ชอบ ก็คือ ฟังเพื่ออะไร? ไม่ใช่ฟังเพื่ออย่างอื่นเลยทั้งสิ้น แต่ฟังเพื่อเข้าใจความจริง เพราะเหตุว่า พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสทุกคำ ตรัสถึงสิ่งที่มีจริง แต่ว่า ไม่มีใครรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง จนกว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงตรัสรู้และทรงแสดงธรรมแต่ละคำให้เราเข้าใจ
~ ประโยชน์ของการฟังธรรม คือ ได้เข้าใจสิ่งที่มี ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อน ซึ่งขณะนี้ก็กำลังถูกปกปิดด้วยความไม่รู้ จนกว่าความเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะค่อยๆ เปิดเผยสิ่งที่มีให้ปรากฏ แต่ว่าถูกปกปิดไว้นานเท่าไหร่ มากเท่าไหร่ หนาเท่าไหร่ แสนโกฏิกัปป์มาแล้วทุกขณะ เพราะฉะนั้น เป็นการยากยิ่งที่จะเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยง่าย แต่ประโยชน์ที่สุด ก็คือ ในสังสารวัฏฏ์มีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังคำจริง ซึ่งเป็นประโยชน์ที่จะทำให้ค่อยๆ ละคลายความหลงความไม่รู้ได้
~ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเกิดความเข้าใจถูกต้องในสิ่งที่มี ซึ่งคำของพระองค์ทุกคำ เป็นสิ่งที่สามารถที่จะประจักษ์แจ้งได้ด้วยความเข้าใจ
~ เมื่อไหร่ก็ตาม ชาติไหนก็ตาม มีโอกาสได้ฟังคำจริง แล้วเห็นประโยชน์อย่างยิ่ง ไม่ละเลย การที่จะค่อยๆ มีความเห็นประโยชน์จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น จนกระทั่งรู้ว่า สิ่งที่มีประโยชน์ในชาติหนึ่งๆ ที่เกิดมา ไม่มีอะไรเท่ากับความเห็นถูกความเข้าใจถูกในสิ่งที่มี ตามความเป็นจริง
~ สิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ใคร ไม่ใช่ของใคร แล้วก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ไม่มีใครสามารถที่จะไปทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นได้เลย แต่ละหนึ่ง ซึ่งเกิดแล้วเดี๋ยวนี้ปรากฏเดี๋ยวนี้ เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยที่จะทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ไม่เป็นอย่างอื่น
~ สิ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่ง แต่ไม่รู้ คือ ประมาทในความลึกซึ้งของธรรม พอฟังแล้วก็คิดว่าเข้าใจแล้ว คิดเอง ผิดหมดเลย เพราะฉะนั้น จึงมีสำนักปฎิบัติทั่วประเทศและทั่วโลก เพราะเข้าใจผิด
~ สติ คือ สภาพธรรมที่ระลึกเป็นไปในกุศล แม้แต่การที่จะช่วยเหลือใครเพียงเล็กๆ น้อยๆ แม้แค่บอกทาง ขณะนั้น ก็เพราะสติ
~ ประมาทไม่ได้เลย ถ้า อกุศลมีมาก เราก็เห็นความประพฤติเป็นไปของจิตในทางอกุศล แต่ละวัน ทำร้ายกันประทุษร้ายกัน หลงไป เบียดเบียน ทำทุจริตต่างๆ แต่เมื่อเป็นปัญญาแล้ว นำไปในกิจของกุศลทั้งปวง
~ ยามทุกข์ แสนทุกข์ แต่ถ้ามีความเข้าใจธรรม ขณะนั้น จะไม่ทุกข์เมื่อเข้าใจว่าสิ่งนั้นเกิดตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่ใครไปทำให้เกิดเลย แล้วก็ดับแล้ว ไม่เหลือ
~ คนที่เริ่มได้เข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้อง เป็นผู้ที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ เพราะฉะนั้น แต่ละคนได้ทำประโยชน์อย่างยิ่ง คือ ไม่ทำให้พระพุทธศาสนาลบเลือนหรือเสื่อมสูญไป เพราะว่า มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ ตามความเป็นจริง สภาพธรรมที่ติดข้อง (โลภะ) นั้น เกิดเมื่อไหร่ ก็ติดของเมื่อนั้น แล้วแต่ว่าจะมากหรือจะน้อย
~ ความไม่รู้มีมากมายมหาศาล แต่อาศัยความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย วิริยบารมี (ความเพียร เป็นธรรมที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ขันติบารมี (ความอดทน เป็นธรรมที่จะทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) จากฝั่งของความไม่รู้ความจริงซึ่งกำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้ จนกระทั่งถึงฝั่งที่สามารถรู้ความจริง จะรวดเร็วมากไม่ได้เลย
~ ในบรรดาสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ปัญญาประเสริฐสุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น สามารถรู้ความจริงได้ ว่า ไม่ใช่เรา ขณะนั้นเป็นสิ่งที่มีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับ เร็วมาก
~ เข้าใจถูกต้อง ว่า ความรู้เกิดขึ้นไม่ได้เองแน่นอน มีมากมายมหาศาลที่ไม่รู้ แล้วจะให้เกิดรู้ขึ้นมาด้วยตนเอง เป็นไปไม่ได้ นอกจากการฟังคำแต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพสูงสุดในพระปัญญาคุณที่กล่าวคำที่ทำให้มีการไตร่ตรอง มีการเข้าใจ จนกระทั่งรู้จริงๆ ในความเป็นธรรมจากที่ได้ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา
~ ถ้าเป็นผู้ที่เห็นโทษของโรคใจ (คือความไม่รู้ เป็นต้น) จริงๆ ว่า หมอกายรักษาไม่ได้ มีแต่พระสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น ที่จะรักษาได้ ก็จะไม่พลาดโอกาสที่จะเห็นคุณค่าแม้แต่ขณะที่ได้ฟังพระธรรม แต่ละขณะ
~ ไม่มีอะไรที่ควรจะดูให้เข้าใจให้ถูกต้องยิ่งกว่าสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้แล้วจะเอาคำไหน มาชวน มาเรียก นอกจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำ ต้องไม่ลืมว่า ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกให้มาดูให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้
~ เมื่อถึงเวลาที่เหตุที่ได้สะสมมาแล้วจะให้ผล ใครก็ยับยั้งไม่ได้ที่จะไม่ให้เกิดขึ้น
~ ฟังธรรม เพราะไม่รู้ แล้วก็รู้ว่า ถ้าฟังแล้วจะรู้จะเข้าใจ อันนี้ตรงตามความเป็นจริง ว่า การฟังธรรมทุกครั้ง ไม่ได้หวังอะไรเลยทั้งสิ้น แต่เพื่อเข้าใจ อย่างนี้ จึงจะค่อยๆ รักษาโรคไม่รู้ ได้
~ ความหวังดีในแต่ละครั้งที่พบกัน คืออะไร? คือให้สิ่งที่ถูกต้องที่สุด เป็นประโยชน์ที่สุด และเป็นความจริง
~ การสนทนาธรรม เป็นมงคล เพราะเหตุว่า ทำให้มีความเข้าใจ มีความชัดเจน มีการสอบถามทุกเรื่องที่เป็นความถูกต้อง จะได้รู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด
~ การที่จะไปละความไม่รู้ ซึ่งหนาเหนียวแน่นมากในสังสารวัฏฏ์ อาศัยอะไร? ถ้าไม่ใช่อาศัยความเข้าใจที่เกิดจากการไตร่ตรองพิจารณา ว่า อะไรถูกอะไรผิด นั่น เป็นจุดเริ่มของปัญญาที่จะไม่หลงทาง
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ...
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และกราบอนุโมทนากุศลจิตทุกขณะที่เข้าใจพระธรรมค่ะ
การศึกษาตั้งแต่เบื้องต้น คือการฟังพระธรรม ก็ต้องเริ่มให้ถูกต้องว่า แท้จริงแล้ว ไม่มีเรา แต่เป็นธรรมแต่ละอย่างที่เกิดจากเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็วในแต่ละขณะ ซึ่งความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นนี้ จะนำไปในหนทางที่ถูกต้องในการอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ ตามความเป็นจริงต่อๆ ไป
น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ สาธู ขอรับ