ผู้ใหญ่ใจดี
แต่ละคนรู้ไหมว่า ชีวิตที่มีค่า ถ้าเทียบจริงๆ แล้วก็คือว่าถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมก็จะเป็นไม่รู้จะตายหรือจะเป็นนะคะ เพราะว่าเป็นเด็กและก็ไม่มีพี่เลี้ยงที่เอาใจใส่คอยดูแลนะคะให้อาหาร คือพระธรรมตามสมควร และก็ไม่ว่าจะเกิดโรคอะไรขึ้นก็รักษาโรคนั้นด้วยยาต่างๆ เพราะว่าสามารถที่จะเข้าใจว่า ยาไหนจะรักษาโรคอะไร สมควรเมื่อไร แต่ถ้าเป็นเด็กเล็กๆ และ ให้ยาสำหรับผู้ใหญ่ที่เติบโตทนไหวไหมใช่ไหมคะแล้วเด็กเล็กๆ ก็มีหลายอัธยาศัยเหลือเกินนะคะ บางคนก็ดื้อยา บางคนไม่ชอบรับประทานยาเลยนะคะ บางคนรับประทานเข้าไปแล้วก็ ไม่มีผลค่ะ ดื้อมากนะคะต้องเปลี่ยนยาและต้องคอยดูแลประคับประคองอีกนานมากในชาตินี้และต่อไปในสังสารวัฏฏ์ ที่จะได้พบผู้ใหญ่ที่ใจดีอีกกี่คนใช่ไหมคะแต่ถ้าไม่มีผู้ใหญ่ใจดี และก็ไม่รู้จักชื่ออาหารและก็ประโยชน์ของอาหารและก็ไม่สามารถที่จะอ่านสลากยาได้ ผิดๆ ถูกๆ ก็เป็นอันว่า ไม่ได้ฟื้นหรือว่าไม่ได้เติบโตในพระธรรม
พระธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดมากนะคะและก็ผู้ใดที่มีความเข้าใจแล้ว ก็ช่วยกันค่ะทำประโยชน์ เพื่อคนอื่นจะได้มีความเข้าใจเพราะฉะนั้นเกิดมาแล้วก็มีเมตตาต่อกันนะคะ ทำได้ไหม ไม่ยากเลยใช่ไหมคะเพียงแต่ว่า หวังดีต่อคนอื่น และก็ทำประโยชน์พร้อมที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้นเพราะฉะนั้น ตอนนี้เป็นโอกาสนะคะใครจะเป็นเด็กมีโรคมาก หรือเรื้อรัง มีบาดแผล หรือจะยังไงๆ ก็ตามแต่หรือว่าอดอาหารมา ผอมมาก จะต้องบำรุงรักษาอีกนะคะกว่าจะฟื้นฟูให้เจริญเติบโตขึ้นได้ก็เป็นโอกาสก่อนที่จะจากโลกนี้ไป ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรค่ะเพราะฉะนั้น ทำดีที่สุดทุกขณะค่ะ และก็ประโยชน์ที่สุดนะคะก็คือว่าเข้าใจตนเองว่า เป็นคนที่จะต้องรักษาตัว เพราะโรคต่างๆ มีโรคอะไรบ้างคะ โรคโลภะ ติดหมดเลย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจบริโภคโรคไปเท่าไรแล้วคะ นี่ตั้งแต่เช้ามา ไม่รู้เลยค่ะ โรคทั้งนั้นเลย รักษาก็แสนที่จะยากต้องเป็นผู้ที่เห็นประโยชน์จริงๆ ว่าเราป่วย เป็นไข้หนัก เป็นโรคเรื้อรังและหนทางเดียวที่จะรักษาโรคต่างๆ นี้ได้ก็คือว่า ความเข้าใจพระธรรมเพราะว่าวันนี้ยังไม่ถึงไหนเลยค่ะ ก็บริโภคโรคเยอะแยะ แล้วใช่ไหมคะ ก็เป็นอย่างนี้ค่ะ พี่เลี้ยงใจดีก็ไม่รู้จะทำอย่างไรนะคะเพื่อนฝูงที่ใจดีก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เป็นอย่างนี้นะคะ แล้วก็ ... เดี๋ยวก็เข้าใจธรรมหน่อยหนึ่ง เกื้อกูลกัน ดีต่อกัน
จากการสนทนาธรรมที่เมืองสาวัตถี อินเดีย 2552
อุปมา อุปมัย วิญญูชน บางจำพวกพึงเข้าใจได้ เปรียบโรคทางกาย รักษาด้วยการปรุงยาตามโรคนั้นๆ ส่วนโรคทางใจคือโรคของกิเลสเบาบางหรือหนาแน่น หนาแน่นถึงขั้นรุนแรง ต่างๆ กันไปตามเหตุปัจจัย รักษาโรคทางใจด้วยปัญญา ซึ่งเป็นปัญญาเกิดการฟังพระธรรมแล้วเข้าใจพระธรรม ขอกราบแทบเท้าอนุโมทนาต่อท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตน์ เป็นเป็นกัลยาณมิตรอันประเสริฐคือทรงไว้ซึ่งพระธรรมคำสั่งสอน ขอกราบผู้ไหญ่ใจดีนั้น ผู้มีชื่อว่า สุจินต์ บริหารวนเขตน์ กราบครับ
กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพยิ่ง และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับฐ (ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ วิทยากรทุกๆ ท่านและรวมสหายทุกๆ ท่านด้วย)
กราบเท้าท่านอาจารย์คะขออนุโมทนาบุญสาธุๆ ขอความเมตตาจากท่านอาจารย์อบรมบ่มเพาะผู้ด้อยปัญญาในธรรมด้วยเจ้าคะ