ขณะนี้เพียงเข้าใจเรื่องราวว่า เจ็บเกิดขึ้นเป็นผลของกรรม
ความรู้สึกที่เป็นทุกข์เพราะอาศัยกายปสาท แม้แต่ความรู้สึกที่เป็นทุกข์หรือสุขนั้น ไม่มีใครสามารถเลือกได้เลยแล้วแต่เวลาที่กุศลกรรมหรืออกุศลกรรมให้ผล สิ่งที่กระทบสัมผัสก็ทำให้เกิดสุขเวทนาหรือทุกขเวทนาทางกาย ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็ทำให้เกิดสุขเวทนา นี่ก็เพียงรู้เรื่องราวของธรรม เช่นเดียวกับทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ขณะ เห็น เป็นผลของกรรม เวทนาเป็นอุเบกขา แต่หลังเห็นแล้ว ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมก็จะเห็นสิ่งที่ดีแล้วก็ติดข้องพอใจขณะนั้นเป็นโสมนัสสเวทนาหรือเป็นผลของอกุศลกรรมก็เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจหลังเห็นแล้วก็ขุ่นเคืองใจขณะนั้นความรู้สึกเป็นโทมนัส นี่ก็มีแต่เข้าใจเรื่องราวของธรรม ว่าขณะไหนเป็นผลของกรรม แต่ยังไม่สามารถรู้ว่า ขณะนี้ไม่มีเรา นี่คือการรู้เรื่องของธรรม จนกว่าจะความเข้าใจจะเจริญขึ้นจนรู้จริงๆ ว่า ขณะนั้นไม่มีเรามีแต่ลักษณะของสุขเวทนาซึ่งเป็นธรรมชนิดหนึ่งเกิดขึ้นทางกายอาศัยกายปสาทซึ่งเกิดเพราะกรรม สุขเวทนาและทุกขเวทนาจะเกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้นไม่ได้เลย เพราะเช่น ทางตา ขณะเห็นเกิดขึ้นอาศัยจักขุปสาทซึ่งเกิดเพราะกรรมแต่เวทนาเป็นอุเบขา เพราะฉะนั้น รูปตั้งแต่ศรีษะจรดเท้าเป็นทางรับผลของกรรมทางกาย
..กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ..