เมื่อศึกษามากฟังมาก เหตุใดจึงถูกเรียกเช่นนั้น
เหตุใดพระที่ศึกษาพระไตรปิฏกมากเช่น พระโปฐิละ จึงถูกพระพุทธเจ้าว่าเป็นท่านใบลานเปล่า ทั้งๆ ที่ท่านศึกษาพุทธพจน์และคำสอนของพระพุทธเจ้ามาก ซึ่งสิ่งนั้นไม่เป็นปัจจัยปรุงแต่งให้ท่านระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏหรอกหรือครับ อะไรเป็นเหตุขวางกั้นท่านจนได้รับการเรียกขานเช่นนั้น
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระโปฐิละ ท่านเป็นผู้เรียนมาก ศึกษามาก แต่ไม่เข้าใจธรรมที่เรียนในขณะนั้น ทำให้พระพุทธเจ้าตรัสเรียกท่านว่า ใบลานเปล่า ในขณะนั้น ต่อเมื่อท่านได้ฟังธรรมจากสามเณร ปัญญาเกิด และ เข้าใจถูก จนบรรลุธรรม ขณะนั้นก็ไม่ใช่เป็นผู้เป็นใบลานเปล่า ครับ
ดังนั้น ก็ต้องพิจารณาเป็นขณะจิตไป ก็จะเข้าใจถูกว่า ขณะที่เป็นความไม่รู้ ขณะนั้นก็เป็นใบลานเปล่า เพราะไม่เข้าใจคำสอน แม้จะอ่าน ทรงจำไว้ได้ แต่ความจำ ไม่ใช่ปัญญา ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระโปฐิละ ท่านเป็นผู้เรียนมาก รู้ชื่อเรื่องราวต่างๆ ของคำสอน เป็นอาจารย์สอนผู้อื่นด้วย แต่ยังไม่บรรลุมรรคผล เพราะไม่ได้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ไม่ได้น้อมไปเพื่อระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรียกท่านว่าเป็นผู้มีใบลานเปล่า เป็นการเตือนให้สำนึกตนเอง ภายหลังท่านเกิดความละอาย มีการปรารภความเพียรอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอรหันต์ ซึ่งเมื่อได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลแล้ว ย่อมไม่ได้ชื่อว่า ใบลานเปล่า อีกต่อไป
เป็นที่น่าพิจารณาว่า การที่ท่านพระโปฐิละได้บรรลุธรรม หรือใครก็ตามที่ได้บรรลุธรรม ล้วนมีเหตุคือ ได้เป็นผู้อบรมเจริญปัญญา แม้ว่าก่อนที่จะได้บรรลุ จะมีความประพฤติเป็นไปต่างๆ ตามอำนาจของกิเลส แต่เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ได้รับการเตือน คือ พระธรรม ย่อมรู้ตัวเองตามความเป็นจริง และสามารถบรรลุผลอันสูงสุด คือ การดับกิเลสได้
ถ้าเป็นผู้มีความจริงใจในการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกจริงๆ ย่อมจะเป็นรากฐานสำคัญในการเกื้อกูลให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญยิ่งขึ้นจนถึงความบริบูรณ์ได้ในที่สุด ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...