มีความเพียรและมีตัวตนไปเจริญสติปัฏฐาน เป็นอย่างไร

 
ฉีฟ่งจื้อ
วันที่  7 ก.พ. 2562
หมายเลข  30458
อ่าน  666

เรียน ท่านวิทยากร

ขอเรียนถามดังนี้ ครับ

1. เหตุใดจึงต้องให้สติปัฎฐานเกิดด้วย เพียรเพื่อให้สติปัฎฐานเกิดได้หรือไม่ และข้อความนี้มีในคัมภีร์วิสุทธิมรรคและอรรถกถาหรือไม่

2. ในสมัยพุทธกาลท่านพระอานนท์เพียรเดินจงกรมตลอดทั้งคืนจนบรรลุพระอรหัตน์ อย่างนี้ถือได้ว่ามีต้ัวตนในการทำหรืือไม่

3. ที่ว่ามีตัวตนไปทำเข่นไปทำวิปัสนา โดยมีผู้กล่าวว่า ก็จะต้องมีตัวตนไปทำก่อน จนกว่าจะไม่มีตัวตนคือบรรลุธรรม การกล่าวเช่นนี้สมเหตุสมผลหรือไม่

4. ผู้บรรยายธรรมแต่ละท่านก็มีแนวทางในการเจริญสติปัฎฐานแตกต่างกัน บ้างก็แนวยุบหนอพองหนอ พุทโธ อริยาบถ ๔ รูป นั่ง นอน ยืน เดินเป็นต้น หรือแม้แต่ที่มูลนิธิก็ปฏิบัติรูปแบบของตัวเอง เมื่อเป็นดังนี้จะยึดแนวไหนบ้างก็ว่าของตนถูก พระพุทธเจ้าเมื่อแสดงสติปัฎฐาน ๔ พระองค์ท่านไม่ได้ลงรายละเอียดถึงแนวทางปฏิบัติแล้วทีนี้จะได้ทราบได้อย่างไรว่าแบบไหนถูก เพราะแต่ละท่านก็รอบรู้ในพระไตรปิฏกเป็นส่วนใหญ่

5. ผมเห็นว่า ผู้ที่ทำเหตุปัจจัยไว้ย่อมเป็นเช่นนั้น เข่น ในอดีตผู้ที่ได้เคยศึกษาธรรม เจริญสมถะและสติปัฎฐานกับอาจารย์ท่านใด แนวใด เกิดมาในชาตินี้ย่อมเจอเหมือนในอดีต

ขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 8 ก.พ. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

๑. พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องการอบรมเจริญสติปัฏฐาน มีมาก ในไตรปิฎก ในหลายพระสูตร และที่สำคัญ พระธรรมทั้งหมด ก็เป็นไปเพื่อการรู้สภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ ตรงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ว่ามีตัวตนที่ไปเจริญสติปัฏฐาน ไม่ใช่มีตัวตนที่ไปมีความเพียรในการเจริญสติปัฏฐาน แต่เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญา ที่ตั้งต้นตั้งแต่ขั้นการฟังเรื่องของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ครับ

๒. พระอานนท์ เป็นพระอริยสาวากของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และท่านได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ ในคืนก่อนวันกระทำสังคายนาครั้งที่ ๑ การบรรลุธรรมของท่าน ไม่ใช่ด้วยการกระทำด้วยความเป็นตัวตน แต่เป็นเรื่องของปัญญาที่อบรมเจริญสมบูรณ์พร้อมแล้ว ครับ

๓. คำกล่าวอย่างนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะค้านความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ครับ

๔. ถ้าเข้าใจอย่างถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริง ก็จะสอนตรงตามความเป็นจริง ตรงตามพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ที่มีแนวทางต่างๆ ให้ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ให้กำหนดอย่างนั้นอย่างนี้ ให้เดินอย่างนั้นอย่างนี้ ให้นั่งอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นต้น ไม่ใช่หนทางของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาเลยแม้แต่น้อย ครับ

๕. ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าแต่ละคนสะสมอะไรมาบ้าง แต่การที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกในความเป็นจริงของธรรม ต้องเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม เคยสะสมเหตุที่ดีมาแล้วในอดีต จึงมีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเองต่อไป ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 14 ก.พ. 2562

ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ ต้องมั่นคงในเรื่องของความเป็นอนัตตา ไม่ใช่อัตตาตัวตนที่จะทำค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 4 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ