ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๙๒
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๙๒
~ จากโลกนี้ไปเป็นบุคคลอื่นทันที ไม่ได้กลับมาเป็นบุคคลนี้อีกได้เลย เพราะฉะนั้น ระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ ขณะที่ประเสริฐที่สุด คือขณะที่ได้ฟังแล้วเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อละความไม่รู้ ละความติดข้อง ไม่ใช่เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย เพราะเหตุว่า เพราะต้องการ ก็ทำให้ไม่รู้ความจริงว่าสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ จากไม่มีแล้วก็เกิดมี แล้วก็หามีไม่ คือ ไม่มีอีกต่อไป เลย
~ ความจริงแล้ว ผู้ที่จากไป (ตาย) ก็คือ ผู้ที่เกิดก่อนคนอื่นนั่นเอง เพราะว่าเมื่อตายแล้ว ต้องเกิด เพราะฉะนั้น ก็เป็นธรรมดาที่ขณะสุดท้ายของชีวิตในชาตินี้หนึ่งขณะเองที่ทำกิจเคลื่อนพ้นความเป็นบุคคลนี้ เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ คือ จะเป็นบุคคลนี้ต่อไปอีกไม่ได้เลย เป็นธรรมดา
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด ไม่ใช่เพื่อให้ใครไปสวด ไม่ว่า ณ สถานที่ใดก็ตาม ไม่ว่ากาลใดทั้งสิ้น แต่เพื่อความเข้าใจ เพราะฉะนั้น ถ้าฟังพระธรรมแล้วไม่เข้าใจเป็นบุญหรือเปล่า?
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่สำหรับสวด แต่สมควรอย่างยิ่งที่จะเข้าใจ เพราะว่าที่พระองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะว่าได้อบรมเจริญความเห็นถูกทุกพระชาติจนกระทั่งเมื่อพระบารมีพร้อมที่จะตรัสรู้ความจริง ก็ตรัสรู้ความจริงแล้วทรงแสดงความจริง เพราะฉะนั้น พระองค์ทรงแสดงธรรม (ความจริง) ไม่ใช่ทรงแสดงให้ใครไปสวด แต่ทรงแสดงเพื่อให้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปิดเผยความจริงทุกอย่างเพื่อให้คนได้เข้าใจที่ถูกต้อง ทุกคำที่พระองค์ตรัส เป็นประโยชน์ คือ ให้รู้ว่า อะไร ถูก อะไร ผิด อะไรเป็นสิ่งที่ควร อะไรเป็นสิ่งที่ไม่ควร
~ ฟังพระธรรมด้วยความเคารพที่จะไตร่ตรองจนกระทั่งได้ประโยชน์ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ให้บุคคลอื่นได้รู้ตาม เพราะฉะนั้น ความเข้าใจถูกสำคัญที่สุด ไม่ว่าจะทำอะไรทั้งสิ้น ถ้าไม่มีความเข้าใจ ไม่มีเหตุผลที่ถูกต้อง สมควรไหม?
~ พระพุทธศาสนาไม่ใช่พิธีกรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสบอกให้ใครไปจุดธูปกี่ดอกหรืออะไรอย่างนั้น แต่ว่าพระองค์ทรงแสดงธรรมทุกกาลสมัย ที่บ้านไหนก็ได้ ชนบทที่ไหนก็ได้ แสนไกลเมื่อมีผู้ที่สามารถที่จะเข้าใจพระธรรมได้ พระองค์ก็เสด็จไปอนุเคราะห์ ทั้งหมดตลอดพระชนม์ชีพ ก็คือ เพื่อให้คนได้เข้าใจความจริง
~ เมื่อมีการศึกษาพระธรรม มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว สมควรไหมที่จะให้คนอื่นเข้าใจถูกต้องด้วย ถ้าไม่คิดแก้ไขเลย ทราบไหมว่าความวิบัติมากมายมหาศาลจะเกิดขึ้นจากความไม่รู้?
~ ที่ปลุกเสกทำเครื่องรางของขลัง นั้น ทำให้คนหลงผิดคิดว่าพระพุทธศาสนาทำให้คนเป็นผู้วิเศษในทำนองนี้ ไม่ใช่เป็นการเข้าใจพระธรรม ก็เท่ากับลบคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ เมื่อไม่ศึกษาธรรม ไม่เข้าใจธรรม การเป็นพระภิกษุก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ไปโดยที่ว่าไม่ได้เข้าใจธรรมเลย เพราะว่าจุดประสงค์ของการเป็นพระภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต
~ มีกิเลสด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่าจะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตหรือในเพศของคฤหัสถ์ ต้องตรงเพราะเหตุว่า ไม่บวช ก็เป็นพระอริยบุคคลได้ ไม่ใช่บวชเพื่อหลอกลวงหรือไม่จริงใจ เพราะว่าใครเห็นพระภิกษุ ก็ต้องรู้ว่าต่างจากคฤหัสถ์เพราะสละชีวิตของคฤหัสถ์แล้ว
~ ข้อสำคัญที่สุด ก็คือ พระธรรมวินัยที่ชาวพุทธต้องเข้าใจ ถ้าไม่เข้าใจพระธรรมวินัย จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างไร เพราะฉะนั้นการกระทำใดๆ ทั้งหมด เงินทองทั้งหมด (ที่เสียไป) ที่ไม่ทำให้เกิดความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง ก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เพราะว่าสิ่งที่เงินทองซื้อไม่ได้ ก็ต้องเป็นปัญญาของแต่ละบุคคลนั่นเอง
~ ต้องเห็นคุณค่าว่า สิ่งที่เหนือกว่าทรัพย์สินเงินทองใดๆ ทั้งสิ้น ก็คือ ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดง แต่ถ้าใครไม่ให้ความจริงอะไรเลย กลับทำทุกอย่างเพื่อเงินเพราะฉะนั้น ก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี (คุณความดีเพื่อให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) เพื่อให้สร้างพระพุทธรูป แต่ว่า เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจพระธรรมเพราะฉะนั้น สิ่งต่างๆ เหล่านั้นที่ไม่ได้ทำให้เข้าใจพระธรรมวินัยเลย ไม่ใช่จุดประสงค์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพุทธบริษัทเข้าใจพระธรรมคำสอน นั่นคือ พุทธประสงค์อย่างเดียวที่ทรงบำเพ็ญพระบารมีมา เมื่อพระองค์ได้ทรงตรัสรู้ แล้วคนอื่นจะได้เข้าใจด้วย
~ ต้องไม่ลืมว่าการที่จะสืบทอดคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่รู้เฉพาะตน ถ้าคนเดียวก็ไม่แพร่หลาย การที่จะเผยแพร่ธรรม ก่อนอื่นคนนั้นต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจอะไรเลยแล้วก็คิดธรรมเอง ซึ่งพระธรรมลึกซึ้งมาก ถ้าไม่เข้าใจธรรม ก็จะทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แทนที่จะเข้าใจถูกต้องก็เผยแพร่ความเห็นผิด
~ ผู้ใดจะเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่โดยแค่ได้ยินได้ฟังว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประสูติที่ไหน ทรงตรัสรู้เมื่อไหร่ แต่ต้องได้ฟังคำของพระองค์ และผู้นั้นเห็นความลึกซึ้งของธรรมจึงรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ตรัสไว้ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้าไม่ฟังคำของพระองค์ เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งที่ควรจะตระหนักถึงความละเอียดความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ว่า กว่าที่พระองค์จะได้ตรัสคำให้เราได้ฟังแต่ละคำ จากการทรงตรัสรู้ซึ่งต้องทรงบำเพ็ญ พระบารมีนานมาก เพื่อเรา จะได้ฟังแต่ละคำ
~ ถ้าเข้าใจผิด ไม่รู้ความจริง ไม่มีทางที่จะละคลายกิเลสซึ่งเป็นเหตุให้กระทำชั่ว ได้เลย, ความชั่ว ทุจริตทั้งหลาย ไม่สามารถที่จะลดน้อยลงไปได้หรือดับหมดไปได้ ถ้าไม่ได้เข้าใจความจริงว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นประโยชน์ อะไรเป็นโทษ
~ ภัยใหญ่หลวงมาจากการบิดเบือนคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นโทษภัยสำหรับตนเองแล้วยังทำให้คนอื่นเข้าใจผิดไป โทษขนาดไหน เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า ผู้ที่เห็นผิด คนเดียว เป็นโทษมากแค่ไหน เพราะเหตุว่าไม่ใช่เป็นโทษสำหรับเขาเท่านั้น แต่ยังเผยแพร่ความเห็นผิดต่อไปด้วย
~ เป็นหน้าที่ของพุทธบริษัท ซึ่งเคารพสูงสุดในพระรัตนตรัย ที่จะต้องช่วยกันทำทุกทางที่จะดำรงรักษาพระธรรมวินัย ไม่ใช่ไปมอบให้ผู้หนึ่งผู้ใดซึ่งไม่เข้าใจธรรม อย่างพระภิกษุเป็นหัวหน้าของพุทธบริษัทเมื่อเป็นผู้ที่เข้าใจพระธรรมและประพฤติ ปฏิบัติตามพระวินัย แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ ก็คือ ไม่ใช่หัวหน้าของพุทธบริษัทที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่าไม่เข้าใจธรรม
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมแล้วๆ เล่าๆ ถึงสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ จนกว่าผู้นั้นจะเกิดปัญญา ทรงมีพระมหากรุณาอย่างยิ่ง เพราะเขาไม่รู้ เพราะฉะนั้น ก็ทรงแสดงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวงสิ้นเชิง เพื่อเขาจะเข้าใจ เมื่อเขาเข้าใจแล้วเขาก็เป็นผู้ที่ปลอดโปร่งจากการหลงผิด เพราะเขารู้ว่าอะไรเป็นเหตุที่แท้จริงที่จะทำให้เกิดความทุกข์ ถ้ายังมีเหตุที่จะทำให้เกิดทุกข์แล้วไม่รู้ ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ต่อไป
~ พุทธบริษัท ต้องเคารพอย่างยิ่งในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณและพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง โดยประการทั้งปวง เพื่ออะไร เพื่อสัตว์โลกจักไม่เข้าใจผิด
~ ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก นำไปในกิจทั้งปวงที่เจริญ ที่เป็นกุศล ที่ถูกต้อง ไม่ใช่มีเราสามารถบังคับตัวเองให้เราเป็นคนดีได้ แต่ว่าความเข้าใจธรรมต่างหากที่ค่อยๆ ขัดเกลาความไม่ดีและความไม่รู้
~ จะหวั่นไหวไหมถ้าเป็นสิ่งที่ดีที่ได้กระทำแล้ว เพราะเหตุว่า ต้องนำผลที่ดีมาให้ ถ้าไม่ชอบสิ่งที่ไม่ดี ก็จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะรู้ว่าสิ่งที่ไม่ดีเท่านั้นที่จะนำผลที่ไม่ดีมาให้
~ กุศล ดีงาม อกุศล ไม่ดีงาม ถ้าปัญญาสามารถที่จะเข้าใจถูกเห็นถูกว่าอะไรเป็นประโยชน์แล้วปัญญาก็นำไปในกุศลทั้งปวง ไม่มีทางที่คนในประเทศชาติจะทุจริตเพิ่มขึ้น ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องเพิ่มขึ้น
~ อันตรายที่มองไม่เห็นยิ่งกว่าอันตรายอื่น ก็คือ ชาวพุทธที่เข้าใจว่าตัวเองนับถือพระพุทธศาสนาแต่ไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อไม่เข้าใจธรรมก็คล้อยตามสิ่งที่ผิดทั้งหมด โดยไม่เห็นว่านั่นเป็นภัยที่ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา
~ อย่างไรก็ต้องตาย ก็ทำความดีให้มากที่สุดไม่ดีกว่าหรือ เข้าใจพระธรรมให้มากที่สุดไม่ดีกว่าหรือ จะได้ติดตามไปได้ จะทิ้งโอกาสแห่งการสะสมความดีและฟังพระธรรมได้อย่างไร.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๓๙๑
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...