สติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาใช่หรือไม่

 
อิคิว
วันที่  13 มี.ค. 2550
หมายเลข  3052
อ่าน  1,252

ถ้าสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนา เราก็ควรเจริญวิปัสสนาแทนการคิดเรื่องสติปัฎ

ฐานใช่หรือไม่และการเจริญวิปัสสนาก็คือมหาสติปัฎฐาน ๔ ได้แก่ กาย เวทนา จิต

และธรรมใช่หรือไม่ขอเจริญในธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 13 มี.ค. 2550

ผู้ที่เจริญวิปัสสนาเบื้องต้นต้องเข้าใจแนวทางเจริญสติปัฏฐานก่อน เพราะว่าสติปัฏฐานเป็นพื้นฐานของวิปัสสนา ถ้ายังไม่เข้าใจเรื่องสติปัฎฐาน ก็ยังเจริญวิปัสสนาไม่ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
sutta
วันที่ 13 มี.ค. 2550

พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหนทางอบรมเจริญปัญญาอย่างละเอียด ทรงแสดง

เหตุ และปัจจัยที่ทำให้การอบรมปัญญาเจริญขึ้น ซึ่งโดยย่อ ก็คือ การฟังธรรมและเห็น

ประโยชน์ของการศึกษาธรรม เมื่อปัจจัยทั้งสองนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็

ย่อมอบรมเจริญขึ้นได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kusala
วันที่ 13 มี.ค. 2550

แม้สติฏฐานจะเป็นทางสายเดียวที่สามารถดับกิเลสได้ แต่กิเลสมีมากเหลือ

เกิน ที่สำคัญ สติปัฏฐาน เกิดง่ายหรือเปล่าในชีวิตประจำวัน เกิดไม่บ่อย หรือไม่เกิด

เลย สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอบรมขั้นการฟังหรือแม้ฟังมานานแล้วก็ตาม ดังนั้น เราต้องรู้

อาหารของสติปัฏฐานหรือเหตุให้สติปัฏฐานเกิด ประการแรก คือ สัญญาที่มั่นคง หรือ

ความจำที่มั่นคง จำอะไรเล่าจำชื่อเรื่องราวของสภาพธัมมะหรือ หรือว่าจำด้วยความ

เข้าใจจนมั่นคงในขั้นการฟังว่า สภาพธัมมะมีอยู่ในขณะนี้ ต้องรู้สภาพธัมมะที่มีในขณะ

นี้ เป็นปัจจุบัน ขณะที่กำลังปรากฏ เมื่อไม่ปรากฏ จะไปรู้สิ่งที่ไม่ปรากฏได้อย่างไร

นี่คือความจำ (สัญญาเจตสิก) ที่มั่นคง ซึ่งเกิดร่วมด้วยกับปัญญาเจตสิกด้วยครับ

ประการที่สอง อาหาร ของ สติปัฏฐานอีกประการหนึ่ง คือ สุจริต 3 อย่าง ที่กล่าวไว้

ข้างต้น สติปัฏฐานไม่ได้เกิดบ่อย แล้วขณะที่ไม่เกิดจิตส่วนใหญ่เป็นอะไร ก็อกุศล

(สำหรับปุถุชน) ดังนั้น ถ้าในชีวิตประจำวันเต็มไปด้วยอกุศล จะกล่าวไปใยถึงกุศลขั้น

สูงที่จะเกิดได้ (นอกจากบุคคลที่อบรมสติ จนมีกำลังเกิดเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แม้

อกุศลเกิดบ่อยก็ระลึกได้) ซึ่ง อาหารหรือเหตุให้สติปัฏฐานเกิด คือ สุจริต 3

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kusala
วันที่ 13 มี.ค. 2550

เราควรจะรู้จุดประสงค์ของการฟังธรรมว่า เพื่อรู้จักตนเอง รู้ความจริงว่ายังไม่เข้าใจ

ธรรมตามความเป็นจริง เช่น ไม่รู้ความจริงว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นธรรมอย่างหนึ่ง

และเสียงที่ปรากฏทางหูก็เป็นธรรมอีกอย่างหนึ่ง เป็นต้น

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kusala
วันที่ 13 มี.ค. 2550

ข้อความที่อาจช่วยให้เข้าใจเรื่องสติปัฏฐานมากยิ่งขึ้น

จากคำบรรยาย ชุดเทปวิทยุ ครั้งที่ ๗๘๒

การอบรมเจริญสติปัฏฐาน คือ การระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏตาม

ความเป็นจริงว่า สภาพที่ปรากฏที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนนั้นเป็นอย่างไร เพราะเคย

ยึดถือว่า เป็นตัวตนที่กำลังเห็นวัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือว่าบุคคลต่างๆ เพราะตาม

ความเป็นจริงนั้น เวลาฟังเรื่องของการเห็น ก็คือในขณะนี้ คือฟังเรื่องของสภาพธรรม

ที่กำลังปรากฏ คือ กำลังเห็นในขณะนี้นั่นเอง เพราะฉะนั้น สติคือ ขณะที่รู้สึกตัว

แล้วศึกษารู้ว่า ขณะเห็นนี้ก็เป็นแต่เพียงสภาพรู้ อาการรู้ หรือธาตุรู้ชนิดหนึ่ง เพราะ

คำว่านามธรรม รูปธรรมก็เคยได้ยิน ได้ฟังกันมาบ่อยมากทีเดียว แต่ว่านามธรรมไม่ใช่

ชื่อ หรือว่านามธรรมไม่ใช่เรื่องของธรรม แต่เป็นสภาพที่กำลังมีจริงที่กำลังรู้ เป็น

สภาพรู้ เป็นอาการรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ที่จะรู้ว่านามธรรมมีอะไร

บ้าง ก็คือขณะนี้ที่กำลังเห็นไหม ถ้ากำลังเห็น ขณะนั้นก็เป็นสภาพของสภาพธรรม

ที่มีจริง ซึ่งเป็นสภาพรู้ เป็นอาการรู้ เป็นธาตุรู้ แล้วไม่ใช่มีแต่เห็น ได้ยินก็มี ขณะที่

ได้ยินนั้นเป็นอย่างไร ที่ว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นนามธรรมที่ได้ยิน ก็คือในขณะนั้นระลึก

รู้ว่า ขณะที่ได้ยินนั้นเป็นอย่างไร ที่ว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นนามธรรมที่ได้ยิน ก็คือในขณะ

นั้นระลึกรู้ว่า ขณะที่ได้ยินนั้นเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้อย่างหนึ่ง เพราะ

สภาพรู้หรือนามธรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่ขาดเลย และมีลักษณะต่างๆ คือ รู้

อารมณ์ต่างๆ เช่นนามธรรมทางตาก็เห็นเท่านั้น นามธรรมทางหูก็ได้ยินเท่านั้น

ไม่ใช่ขณะที่คิดนึกถึงความหมายของสิ่งที่กำลังได้ยิน

เพราะฉะนั้น สภาพธรรมตามความเป็นจริง มีลักษณะจริงๆ ให้ศึกษา ให้เข้า

ใจเพิ่มขึ้น โดยที่ว่า แม้แต่เพียงความหมายหรืออรรถของคำว่า นามธรรม ก็จะต้องรู้

ว่า หมายถึงสภาพรู้ อาการรู้ ธาตุรู้สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่กำลังรู้ ไม่ว่าจะเป็นทางตา หรือ

ทางหู หรือทางจมูกหรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ มีสภาพนามธรรมที่กำลัง

รู้ แต่ยังไม่ชินต่อการที่จะศึกษา โดยน้อมไปรู้ในขณะที่กำลังเห็นจริงๆ ขณะที่กำลัง

ได้ยินจริงๆ ขณะที่กำลังจำได้จริงๆ ขณะที่กำลังคิดนึกจริงๆ ในขณะนี้นั่นเอง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
medulla
วันที่ 14 มี.ค. 2550
ขออนุโมทนาค่ะ ขอบพระคุณมาก
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
PUM
วันที่ 14 มี.ค. 2550

.....อาหารของสติปัฏฐาน.......

สำหรับท่านที่เห็นประโยชน์ของสติ และรู้ว่าสติที่เจริญสมบูรณ์ถึงขั้น คือ ขั้นสติ

ปัฏฐานสามารถที่จะทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม ดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท แต่ก็ไม่ใช่ว่าสติ

ปัฏฐานจะเกิดได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะได้เข้าใจว่า อะไรเป็นอาหารของ

สติ เพราะทุกอย่างที่จะเจริญขึ้น ก็จะต้องมีอาหาร เชิญคลิกอ่าน...

โพชฌงค์ ๗ เป็นอาหารของวิชชาและวิมุตติ [อวิชชาสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
suntarara
วันที่ 16 ส.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Komsan
วันที่ 23 พ.ย. 2550

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ