ศาสนาพุทธต้องมีวัดเป็นศาสนสถานหรือไม่

 
pdharma
วันที่  22 เม.ย. 2562
หมายเลข  30785
อ่าน  908

อยากทราบว่า
๑. ศาสนาพุทธต้องมีวัดเป็นศาสนสถานหรือไม่
๒. หากสร้างวัด จะต้องมีอุโบสถ ศาลาการเปรียญ หอไตร เมรุ และกุฏิ ให้ครบหรืออย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ เพราะวัดเวฬุวันมหาวิหาร ก็เป็นเพียงสถานที่ที่สงบร่มรื่น เหมาะสำหรับอยู่บำเพ็ญธรรมของพระสงฆ์
๓. หากจะสร้างวัด ในปัจจุบัน อย่างไรจึงจะเหมาะสมถูกต้องตามพระไตรปิฎกครับ
ขอขอบพระคุณ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 23 เม.ย. 2562

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-วัด เป็นที่อยู่ของผู้สงบอย่างยิ่งที่สละอาคารบ้านเรือน ขัดเกลากิเลส ฟังธรรม สนทนาธรรมอบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสตามพระธรรมวินัย เท่านั้น คือ วัด วัดจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้


-วัดวาอารามสร้างกันไม่หยุดเลยจริงๆ แต่เข้าใจพระธรรมวินัยหรือเปล่า เพราะฉะนั้น มีวัดแต่ไม่มีพระธรรมวินัย มีผู้อยากบวชแล้วก็บวช แต่ว่าไม่ได้ประพฤติตามพระธรรมวินัย แล้วจะดำรงรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้อย่างไร

(อ้างอิงจาก... หนังสือเล่มใหม่_เก็บไว้ในหทัย)

ศาสนาพุทธ คืออะไร คือ พระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงตรัสรู้ความจริง ศาสนาพุทธ หรือ พระพุทธศาสนา ไม่ใช่อย่างอื่น ไม่ใช่อยู่ที่วัดวาอารามหรือสถานที่หนึ่งสถานที่ใดเลย

สำหรับเพศบรรพชิต ท่านสละอาคารบ้านเรือนแล้ว จริงใจที่จะศึกษาพระธรรม ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต ไม่อาลัยในความเป็นคฤหัสถ์แล้ว ลองคิดดูว่าจะมั่นคงเด็ดเดี่ยวแค่ไหน ชีวิตจะเป็นอยู่อย่างไร ก็ตามเพศบรรพชิต ท่านอยู่ได้ แม้ยังไม่มีที่อยู่ ที่เป็นวิหาร หรือ วัด ต่างๆ ท่านก็อยู่ตามป่า ตามถ้ำ ได้ เป็นต้น นี่คือ ชีวิตของผู้ที่สละเพศคฤหัสถ์ แล้ว

สำหรับการถวายวิหาร หรือ การสร้างวัด เป็นกิจของคฤหัสถ์ ไม่ใช่กิจของพระภิกษุ เพราะการทำกิจที่ควรทำของคฤหัสถ์ที่มีต่อบรรพชิตนั้น ก็สามารถที่ทำได้ตามควร แต่ไม่ใช่การถวายเงินแก่พระภิกษุ แม้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และ นางวิสาขามิคารมารดา ซึ่งเป็นผู้มีทรัพย์มาก มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา เป็นพระโสดาบันบุคคล การถวายทานของท่าน อย่างเช่น การถวายพระเชตวันมหาวิหารของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และ การถวายปุพพาราม ของนางวิสาขามิคารมารดา แม้ว่าจะมีการใช้จ่ายทรัพย์เป็นจำนวนมากตั้งแต่การซื้อสถานที่ เป็นต้น แต่ก็ไม่มีการถวายเงินแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่เป็นผู้ที่สละทรัพย์ ดำเนินงานต่างๆ จนพระเชตวันมหาวิหาร และ ปุพพาราม แล้วเสร็จ ถวายแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นประมุข ในการดำเนินการสร้างพระเชตวันมหาวิหาร ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี สละทรัพย์ทั้งหมด ๕๔ โกฏิ (โกฏิหนึ่งเท่ากับสิบล้าน) และ ในการดำเนินการสร้างปุพพาราม นางวิสาขามหาอุบาสิกา สละทรัพย์ทั้งหมด ๒๗ โกฏิ ซึ่งเป็นสิ่งที่คฤหัสถ์จะพึงกระทำได้ โดยไม่ได้ถวายเงินแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระภิกษุทั้งหลาย

สำหรับจะมีการสร้างอะไรเพิ่มเติม ก็เป็นกิจของคฤหัสถ์ผู้มีศรัทธาและมีปัญญาด้วยว่าควรจะถวายสิ่งใด ไม่ใช่กิจของพระภิกษุ

สำหรับประโยชน์หรือวัตถุประสงค์ของการมีวัด หรือ วิหารต่างๆ นั้น ตามข้อความใน
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑- หน้าที่ ๔๔๙ มีดังนี้

เสนาสนะ ย่อมป้องกันเย็นร้อน สัตว์ร้าย งู ยุง ความหนาวในฤดูหนาว และฝนทั้งลมแดดอันกล้าที่เกิด เสนาสนะก็ป้องกันได้ การถวายวิหารแก่สงฆ์ เพื่อเร้นอยู่เพื่อความสุข เพื่อเพ่งฌานและเพื่อเจริญวิปัสสนา พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงสรรเสริญว่าเป็นทานอันเลิศ เพราะเหตุนั้นแล คนผู้เป็นบัณฑิต เมื่อเล็งเห็นประโยชน์ตน พึงสร้าง วิหารอันรื่นรมย์ ให้ภิกษุเหล่าพหูสูตอยู่ในวิหารนั้นเถิด พึงถวายข้าวน้ำ ผ้า และเสนาสนะแก่ท่านเหล่านั้น ด้วยน้ำใจอันผ่องใสในท่านผู้ปฏิบัติตรง เขารู้ธรรมอันใดในพระศาสนานี้แล้ว จะเป็นผู้ไม่มีอาสวะ ย่อมดับสนิท ท่านภิกษุพหูสูตเหล่านั้น ย่อมแสดงธรรมนั้น อันเป็นเครื่องบรรเทาทุกข์ทั้งปวงแก่เขาแล.
--------------------------------
ถ้าจะว่าไปแล้ว ในประเทศไทย มีวัดเพียงพอต่อการได้อยู่อาศัยของพระภิกษุสามเณร เพื่อศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต มีหลายพื้นที่ เป็นวัดร้าง ก็มี ดังนั้น แทนที่จะไปสร้างวัด สำหรับพุทธศาสนิกชนก็ควรกลับมาตั้งต้นที่การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ไม่ละทิ้งสิ่งที่มีค่าที่สุดคือคำจริงแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ปัญญาก็จะนำไปในกิจทั้งปวงที่เป็นกุศล ในสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ทั้งหมด ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Nataya
วันที่ 17 ส.ค. 2562

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ