ขอถามทำอย่างไรกับพระสูตรนี้
ผู้บรรยายธรรมมะ. จะทำอย่างไรเมื่อได้ยินคำสอนจากพระองค์ตามพระสูตรนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสใน มหาสติปัฏฐานสูตร ความตอนหนึ่งว่า"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า-
เธอมีสติหายใจออก มีสสติหายใจเข้า
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ควรทราบว่าพระภิกษุเป็นบรรพชิต ที่อยู่ของบรรพชิตก็คือป่า โคนไม้ ถ้ำ เป็นต้น สมัยต่อมา ผู้ที่มีศรัทธาสร้างอารามถวาย พระพุทธองค์ไม่ทรงบังคับให้พระภิกษุทุกรูปอยู่ป่าทั้งหมด แต่ทรงอนุโลมตามอัธยาศัยของบุคคล ดังนั้น บรรพชิตที่อยู่ป่าก็อบรมเจริญสติปัฏฐานได้ บรรพชิตที่อาศัยตามอารามในเขตบ้านก็อบรมเจริญสติได้ แม้คฤหัสถ์ผู้ครองเรือนก็อบรมเจริญสติปัฏฐานจนบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้ ดังนั้น เรื่องสถานที่ จึงไม่เป็นเครื่องกั้นในการอบรมเจริญปัญญา
ไม่ว่าสถานที่ใดก็ไม่เป็นเครื่องกั้นในการอบรมเจริญปัญญาเลย ข้อสำคัญอยู่ที่การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมแล้วมีความเข้าใจในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ถูกต้องหรือเปล่า นี่เป็นเรื่องยากที่ต้องศึกษาให้เข้าใจจริงๆ สิ่งสำคัญต้องค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาต้องเริ่มจากเดี๋ยวนี้ ขณะนี้มีธรรมะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา การฟังพระธรรมก็เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูกในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตรงตามความเป็นจริง ไม่ใช่ไปคิดเรื่องอื่นซึ่งเป็นเรื่องราวต่างๆ ไม่สามารถทำให้รู้สภาพธรรมที่ปรากฏอยู่ขณะนี้ได้ เครื่องกั้นที่แท้จริงไม่ใช่เพียงอวิชชาเท่านั้น กิเลสต่างๆ ที่ได้สะสมมานับภพชาติไม่ได้เป็นสิ่งที่ควรอบรมให้เข้าใจต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส และอบรมเจริญกุศลทุกประการ ในชีวิตประจำวันไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ตามมีธรรมะเกิดขึ้นและดับไปอยู่ตลอดเวลา จึงเป็นสิ่งที่ควรอบรมเจริญปัญญาให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกในลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้โดยไม่ต้องเลือกสถานที่ บางคนคิดว่าจะไปอบรมเจริญปัญญาตามแหล่งเริงรมณ์ต่างๆ เขาอาจไปกับกิเลสโดยไม่รู้ตัว เพราะขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏอยู่แท้ๆ ก็ยังไม่รู้ไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่ได้เห็น ได้ยิน.....ก็ไหลไปกับกิเลสของตนแล้ว ถ้าขณะนี้ยังไม่เข้าใจแล้วจะไปอบรมเจริญปัญญาตามแหล่งเริงรมณ์ต่างๆ ถามว่าจะเป็นไปได้อย่างไร? และที่กล่าวว่าเรื่องสถานที่ไม่เป็นเครื่องกั้นในการอบรมเจริญปัญญาเพราะธรรมะมีอยู่ตลอดเวลาพร้อมที่จะให้พิสูจน์ ไม่ว่าเพศบรรพชิต คฤหัสถ์ ชายหรือหญิงก็อบรมเจริญปัญญาจนบรรลุเป็นพระอริยบุคคลได้
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เป็นการอบรมเจริญปัญญาอบรมเจริญปัญญารู้สภาพธรรมตามปกติตามความเป็นจริง ตามเพศของตน ไม่ใช่ว่ามีตัวตนที่จะไปทำอะไร ไปกำหนดอะไร เพราะนั่นเป็นเรื่องของความไม่รู้ การทำอะไรด้วยความไม่รู้ ผลก็คือ ไม่รู้ เพราะพระธรรมทั้งหมดเป็นไปเพื่อการอบรมเจริญปัญญาโดยตลอด จึงควรตั้งต้นด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากการฟังในเรื่องของรูปธรรมและนามธรรม เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงเมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็จะเป็นเหตุให้มีการระลึกรู้สภาพธรรมที่มีจริงตามความเป็นจริง
แม้แต่ในเรื่องของลมหายใจก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง และ ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดปรากฏก็สามารถเข้าใจได้ จึงสำคัญอยู่ที่การตั้งต้นจริงๆ ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...