พูดความจริงเเต่กลับถูกมองว่าเราเป็นพวกนอกรีต
หนูได้นั่งสนทนากับเพื่อนๆ ถึงการบวชพระ จุดประสงค์ของการบวชพระคืออะไร คือการสละ เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อศึกษาพระธรรม ดำเนินรอยตามพระศาสดาคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศากยะบุตร หนูเข้าใจถูกไหมคะ? แต่มาถึงยุคนี้การบวชเป็นเรื่องความอยากบวช หนีโทษหนีคดีก็บวชได้ บวชแก้บน บวชหน้าไฟ บวชเพื่อได้ไม่ต้องทำมาหากิน งั้นหรือพระ? แต่หนูกลับโดนรุมว่าว่าเป็นพวกนอกรีต เขาบอกศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรเก็บไว้ส่วนตัวไม่ควรจะมาพูด แต่ว่าหนุบอกให้เขาคิดไตร่ตรองดูสิในเหตุและผล และเมื่อนับถือพุทธก็ต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่หรือ? พวกเขาบอกหนุว่าอย่ามาว่าพระ พระเขามีจิตศรัทธาที่จะบวชมาแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว และเขายังบอกอีกว่าทุกอย่างที่ประพฤติปฏิบัติมานานแล้ว จะไปเปลี่ยนได้อย่างไร อันคือคนจำนวนเป็น10คนเลยนะคะ หนูยังนึกในใจว่า ไม่มีสักคนเลยหรือที่คิดตามว่าอะไรรถูกอะไรผิด * ขอถามค่ะว่าอย่างนี้หนูควรทำอย่างไรต่อไปดีคะ?? ขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่คุณเปรมวานิช ได้กล่าวมานั้น เป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ว่า พระคือใคร บวชเพื่ออะไร เป็นต้น แม้ว่าเราจะมีความจริงใจ มีความหวังดีเกื้อกูลที่จะให้ผู้อื่นได้รับฟังในเหตุในผล ตามความเป็นจริง แต่ก็เป็นธรรมดาที่ผู้ไม่เข้าใจ ไม่ได้สะสมมา ก็ย่อมไม่เห็นด้วย ไม่รับในความเป็นจริง ซึ่งก็เป็นธรรมนั่นเอง (อกุศลธรรม) ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ จึงแสดงให้เห็นเลยว่า พระธรรม ไม่สาธารณะกับทุกคนจริงๆ เฉพาะผู้ที่สะสมเหตุที่ดีมาแล้ว เคยเห็นประโยชน์ของพระธรรมมาแล้ว จึงฟัง จึงศึกษาพิจารณาไตร่ตรอง และได้รับประโยชน์จากพระธรรม ดังนั้น ถ้ามีบุคคลผู้ไม่เห็นด้วยในความจริง ไม่รับฟังในเหตุในผล เราก็ไม่หวั่นไหว เพราะได้เข้าใจความจริง เข้าใจถึงการสะสมของแต่ละบุคคล ก็จะเบาสบาย ไม่เดือดร้อน, ต่อไป ถ้ามีผู้สนใจ ประสงค์จะฟังในเหตุในผลจริงๆ ประสงค์ที่จะเข้าใจจริงๆ ก็ค่อยกล่าวความจริง แนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ผู้นั้นได้รับฟัง ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ใช่ครับ คุณเปรมวานิชพูดถูก ความเห็นถูกก็เป็นความเห็นถูก ความเห็นผิดก็เป็นความเห็นผิด ไม่ว่าจะเป็นกี่สิบกี่ร้อยคนถ้าผิดก็คือผิด จะเปลี่ยนเป็นถูกได้อย่างไร ดังนั้นส่วนใหญ่เขาจะว่าอย่างไรเป็นเรื่องของเขา แต่ความจริง คำจริง เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ ดังนั้น ต้องยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องและไม่หวั่นไหว สมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงพระธรรมนั้น ก็ยังมีพวกปริพาชกหรืออัญเดียรถีย์ที่ไม่สนใจและไม่เห็นด้วยในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พวกที่ไปเข้ากับอัญเดียรถีย์ก็มีมาก นี่แสดงว่าความเห็นผิดมีทุกยุคทุกสมัยจริงๆ แม้แต่ในยุคนี้
คุณเปรมวานิชมีความเข้าใจถูกแล้วครับ สิ่งที่อาจารย์คำปั่นกล่าวนั้นเป็นความจริงว่า "พระธรรมของพระพุทธเจ้า ไม่สาธารณะทั่วไปกับสัตว์โลก" ดังนั้น ผู้ที่เคยสะสมการฟังและเข้าใจในธรรมะมาจากอดีตชาติย่อมมีความน้อมไปต่อที่จะฟังเพื่ออบรมเจริญปัญญาต่อไปจนกว่าจะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท ซึ่งหลายๆ คนที่ได้ศึกษาธรรมกับทางบ้านธัมมะและเข้าใจในธรรมดีแล้ว ก็มักจะประสบปัญหานี้กันทุกคน (แม้แต่ตัวผมเอง) เพราะฉะนั้น ต่อไปนี้ถ้ามีใครตั้งใจจะมาฟังธรรมจากคุณเปรมวานิช ก็ขอให้ค่อยๆ อธิบายให้ผู้นั้นฟังนะครับ สำคัญคือขอให้มีจุดตั้งต้นในการศึกษาที่ถูกทางและเข้าใจไปแต่ละคำ แต่ละประโยคจริงๆ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนากับคุณเปรมวานิช ดิฉันก็ประสบเรื่องเดียวกันนี้กับคนรอบข้าง เดิมเคยเกิดสภาพจิตที่เป็นอกุศลมาก แต่คิดได้แล้วว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่ไม่ได้สนใจที่จะศึกษาคำสอนที่แท้จริงของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าเขาจะเข้าใจในหลักพระธรรมพระวินัยได้อย่างไร
แม้สนใจ แต่หากไม่ได้พบผู้ที่แตกฉานและสามารถถ่ายทอดพระธรรมนั้นให้ตรง แล้ว ก็แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ถูกต้องและไม่ตรง ทำให้เสียเวลา หลงทาง
เป็นบุญที่ดิฉันที่ได้มาพบการบรรยายธรรมของท่านอาจารย์สุจินต์ และกราบแทบเท้าระลึกถึงพระคุณท่านเสมอ ที่ทำให้ดิฉันได้ยินได้ฟังการถ่ายทอดพระธรรมจากทั้งสามปิฎก และทำให้ดิฉันได้ซาบซึ้งในพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิ์คุณ และพระมหากรุณาคุณ ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างหาที่สุดไม่ได้
กราบขอบคุณและอนุโมทนายิ่งกับมูลนิธิศุึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา