มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฏ กรกฎาคม 2562

 
kanchana.c
วันที่  20 ก.ค. 2562
หมายเลข  31055
อ่าน  969

ไม่มีเราตั้งแต่ต้น

ได้ร่วมสนทนาธรรมภาคภาษาอังกฤษกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ในวันอาสาฬหบูชา 16 ก.ค. 2562 ท่านอาจารย์ขออนุญาตคุณหมอจากโรงพยาบาลเทพธารินทร์ที่พักรักษาตัวมาหลายเดือน ด้วยความกรุณาให้โอกาสพวกเราได้ฟังธรรมจากท่าน ทุกคนปีติยินดีมากที่เห็นท่านปรากฏตัวอีกครั้งที่มูลนิธิ เมื่อท่านสนทนาธรรมภาคเช้าในห้องประชุมแล้ว เวลา 10 โมงก็ให้โอกาสชาวต่างชาติ โดยเฉพาะคุณอาคิวและคุณอะช่า คู่สามีภรรยาชาวพุทธจากอินเดียที่ท่านพระสีวลี เลขานุการสมาคมมหาโพธิที่พุทธคยาแนะนำให้มาศึกษาพระพุทธศาสนากับท่านอาจารย์ เพื่อไปเผยแพร่ต่อที่อินเดีย เพราะทั้งสองท่านเป็นเจ้าของช่อง Ambedkar Tv. ใน YouTube ที่มีผู้ติดตามนับล้านคน

แม้ท่านอาจารย์จะพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล ท่านก็ให้โอกาสทั้งสองท่านได้สนทนาธรรมร่วมกับสหายธรรมต่างชาติคนอื่นๆ เช่น คุณสุคิน คุณสุนทรา หม่อมเบตตี้ คุณอีฟ คุณโรตี (ชาวเม็กซิกัน ผู้เป็นธุระจัดหาที่พักรวมทั้งค่าใช้จ่าย และดูแลให้ความสะดวกในการเดินทางมาสนทนาธรรม ขออนุโมทนาค่ะ) อาจจะมีคนอื่นอีก เพราะไม่ได้ไปร่วมสนทนาที่โรงพยาบาล ได้แต่ดูจากยูทูป จึงเห็นเพียงบางคน ทั้งเช้าบ่าย เกือบทุกวัน ขอกราบเท้าอนุโมทนาท่านอาจารย์ที่ตั้งใจเผยแพร่พระสัทธรรมทุกโอกาสที่ทำได้ ท่านพูดบ่อยๆ ว่า ฟื้นขึ้นมาทำไม? คิดต่อเอาเองว่า เพื่อเผยแพร่พระสัทธรรมให้รุ่งเรืองต่อไป

ในห้องสนทนาธรรมภาษาอังกฤษ คุณสุนทรา (Sundara) พูดถึงโสตาปัตติยังคะ 4 (องค์คุณเครื่องบรรลุโสดา) คือ 1. สัปปุริสสังเสวะ คบสัตบุรุษ 2. สัทธัมมัสสวนะ ฟังธรรมด้วยดี 3. โยนิโสมนสิการ (พิจารณาโดยแยบคาย) 4. ธัมมานุธัมมปฏิปัตติ (ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม) คุณสุนทราท่านเคยบวชเป็นพระ และเก่งภาษาบาลี ท่านพูดได้คล่องแคล่ว และเข้าใจภาษาบาลีมากกว่าภาษาไทย

เราได้ยินคำว่า “ปฏิปัตติ” บ่อยๆ ภาษาไทยคือปฏิบัติ ซึ่งหมายถึงระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ต้องไปนั่ง ไปเดิน จึงกราบเรียนถามท่านอาจารย์ว่า ข้อ 4 คือ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมนั้นต้องไม่เป็นตัวตน ไม่มีเราที่ทำใช่ไหม ท่านตอบว่า ต้องไม่ใช่ตัวตนตั้งแต่ต้น เราก็เลยงงๆ เพราะเมื่อยังไม่ได้ฟังพระธรรมเลย จะทราบได้อย่างไรว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา คุณสุนทราก็พยายามอธิบายว่า ขณะที่ท่านพระสารีบุตรฟังธรรมจากท่านพระอัสสชินั้น ก็เป็นอนัตตา ไม่ได้จงใจ ตั้งใจ แต่มีเหตุปัจจัยที่ทำให้ได้ฟัง แล้วก็ได้บรรลุโสดาบัน ก็ยังไม่แจ่มกระจ่าง นั่งคิดพิจารณาต่อมาอีกหลายวัน จึงพอเข้าใจได้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่มีเรา ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ตาม ความจริงเป็นอย่างนี้ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ไม่ใช่เพิ่งเป็นอนัตตาตอนที่ได้ยินได้ฟัง คิดเปรียบเทียบให้ตัวเองเข้าใจขึ้นว่า จริงๆ แล้วโลกนี้กลม ไม่ว่าคนสมัยก่อนจะบอกว่า โลกแบน แต่จริงๆ แล้วโลกกลม พอมีนักวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ให้ทุกคนเชื่อได้ว่า โลกกลม และโลกจึงจะกลม แต่จริงๆ ไม่ว่าเมื่อไรโลกก็กลม

ท่านอาจารย์พูดถึงสัพพปริญญา คือ รู้ทั่วว่า ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม คือ ไม่เที่ยง เกิดดับ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เรายังกระเตาะกระแตะ รู้ผิด รู้ถูก คิดว่า ปฏิปัตติ คือ ไม่มีเรา แต่ตอนอื่นมีเรา ก็ไม่ใช่รู้ทั่วอีก จากการติดตามฟังการสนทนาธรรมภาคภาษาอังกฤษ เข้าใจเพิ่มขึ้นว่า ถ้ายังไม่รู้ความต่างกันของปรมัตถสัจจะกับสมมติสัจจะ ความจริงแท้ที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ กับความจริงโดยสมมติ ก็ยังไม่สามารถรู้ความต่างกันของปรมัตถ์กับบัญญัติได้ว่า ปรมัตถ์ คือ สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏในขณะนี้ทีละหนึ่ง และบัญญัติมีเมื่อคิด เมื่อยังไม่รู้ปรมัตถ์ ก็ไม่สามารถรู้ความต่างกันของนามธรรมกับรูปธรรมได้ ที่คิดว่ารู้นั้น รู้เพียงชื่อว่า นามเป็นสภาพรู้ รูปไม่สามารถรู้อะไรได้ แต่ไม่ได้รู้ลักษณะที่กำลังปรากฏทีละหนึ่งจริงๆ ก็รู้ตัวเองเพิ่มขึ้นว่า มีอีกมากมายที่ยังไม่รู้ ที่เคยคิดว่ารู้ก็รู้ผิด จริงอย่างที่คุณนีน่าพูดเสมอว่า ต้องตั้งต้นใหม่เสมอ

ท่านอาจารย์เตือนบ่อยๆ ว่า ไม่มีเรา แต่ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจค่ะ คงไม่ใช่ฟังอย่างเดียว ต้องคิดพิจารณาบ่อยๆ เนืองๆ ให้เข้าใจด้วยตนเอง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 21 ก.ค. 2562

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
yupa
วันที่ 23 ก.ค. 2562

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
talaykwang
วันที่ 28 ส.ค. 2562

สาธุ สาธุ สาธุ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ