นักเรียนฟังพระธรรม [ต่อ]_สนทนาธรรมที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒

 
khampan.a
วันที่  7 ส.ค. 2562
หมายเลข  31090
อ่าน  1,485

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น






วันนี้ วันพุธที่ ๗ สิงหาคม ๒๕๖๒ โครงการอบรมคุณธรรมเพื่อการเรียนรู้และเข้าใจความจริง ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา โดยการนำของผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ฉะเชิงเทรา แห่งนี้ คือ คุณดวงรัตน์ ชิตเจริญ (สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๑๖๖) ยังมีต่อเนื่องเป็นวันสุดท้าย ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๕.๐๐ น. ซึ่งก็เป็นโอกาสที่นักเรียน คณาจารย์และบุคลากรของโรงเรียนแห่งนี้ จะได้ฟัง ได้ศึกษาสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิต สะสมเป็นผู้มีอุปนิสัยที่ดีในการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป ถ้าเห็นประโยชน์ ได้ฟังต่อไปอีก ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น เพิ่มขึ้นต่อไปได้












วันนี้ การสนทนาธรรม ก็เน้นไปที่ ๒ เรื่องใหญ่ๆ คือ เรื่องพระภิกษุกับเงินและทอง และ เรื่องการปฏิบัติธรรม ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง เพราะถ้าเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของพระธรรม ก็ทำให้ทำในสิ่งที่ผิดแต่สำคัญว่าถูก ซึ่งก็เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา

การนำเสนอของอาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ก็เหมาะกับวัยของนักเรียน ด้วยการตั้งเป็นคำถาม เป็นประโยชน์ที่จะทำให้แต่ละคนได้คิดพิจารณา ไม่ใช่เฉพาะเด็กนักเรียนเท่านั้น แต่รวมถึงทุกคนด้วย ไม่ใช่เป็นข้อสอบ แต่เป็นสิ่งที่จะทำให้ได้คิดพิจารณาไตร่ตรองตรงตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก

[เล่มที่ 3] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๙๔๐

พระบัญญัติ

ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.


พระภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ ไม่รับเงินและทอง รับเงินและทองไม่ได้ เป็นผู้ปราศจากเงินและทองอย่างสิ้นเชิง เพราะท่านเหล่านั้น ต้องสละทรัพย์สินเงินทองก่อนบวชแล้ว ดังนั้น เมื่อบวชเป็นพระภิกษุแล้ว จึงรับเงินและทองไม่ได้ เงินทองไม่ควรแก่เพศบรรพชิตโดยประการทั้งปวง ไม่มีพระพุทธดำรัสแม้แต่คำเดียวที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสให้พระภิกษุรับเงินและทองหรือไปแสวงหาเงินและทอง ตามข้อความใน พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ มณิจูฬกสูตร ว่า “ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตร ห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย”

พระภิกษุ คือ เพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์ เป็นเพศที่ขัดเกลากิเลสเป็นอย่างยิ่ง เป็นผู้เว้นโดยทั่ว ได้แก่ เว้นจากกิเลส เว้นจากความติดข้องยินดีพอใจในชีวิตของคฤหัสถ์ จะเห็นได้ว่าผู้ที่ออกบวชเป็นพระภิกษุนั้น ต้องสละทุกสิ่งทุกอย่าง คือ สละอาคารบ้านเรือน สละทรัพย์สมบัติ สละวงศาคณาญาติ บวชเป็นพระภิกษุเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเองจริงๆ ท่านสละอาคารบ้านเรือนแล้ว ย่อมเป็นผู้ไม่มีเรือน รวมถึงสละทรัพย์สมบัติทั้งปวงด้วย ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง เป็นต้น เมื่อสละสิ่งเหล่านี้แล้ว ก็ไม่ควรรับสิ่งเหล่านี้ ไม่ควรมีสิ่งเหล่านี้ เพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เหมาะควรแก่เพศบรรพชิตโดยประการทั้งปวงเป็นไปเพื่อพอกพูนกิเลสไม่ใช่ขัดเกลากิเลส

ตามความเป็นจริงแล้ว บุคคลผู้ที่จะบวชเป็นพระภิกษุจะต้องเป็นผู้ที่มีอัธยาศัยน้อมไปในการบวชจริงๆ รู้จักตนเองและพิจารณาตนเองโดยละเอียดว่า สามารถที่จะดำรงเพศที่มีคุณธรรมสูงกว่าคฤหัสถ์ได้หรือไม่? พระภิกษุ เป็นเพศที่สูงกว่าคฤหัสถ์เป็นอย่างยิ่ง ที่สูงกว่านั้น สูงเพราะคุณธรรม เนื่องจากว่าผู้ที่เป็นพระภิกษุ จะต้องมีความมั่นคงที่จะสละกิเลสทุกอย่างทุกประการ มากกว่าผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ พร้อมกันนั้นก็จะต้องเป็นผู้มีความอดทน มีความเพียรที่จะศึกษาพระธรรมวินัยให้เข้าใจอย่างถูกต้อง ขัดเกลากิเลสของตนเอง มีความประพฤติคล้อยตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี้คือชีวิตที่แท้จริงของพระภิกษุ ซึ่งมีความแตกต่างจากคฤหัสถ์โดยสิ้นเชิง ถ้าภิกษุใดมีความเป็นอยู่ไม่ต่างกับคฤหัสถ์ ยังต้องการเงินทอง ยังมีจิตใจเหมือนคฤหัสถ์ผู้อยู่ครองเรือนทุกประการ นั่นก็ไม่ใช่ภิกษุในพระธรรมวินัย และกำลังทำทางให้ตนเองไปเกิดในอบายภูมิ ถ้าต้องการเงินทอง อยากมีเงินทอง ก็ไม่ต้องบวช เพราะผู้ที่เป็นพระภิกษุจะต้องเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ จึงควรแก่การครองผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งเป็นเพศที่สูงยิ่ง

เมื่อได้ฟัง ได้พิจารณาไตร่ตรองในเหตุในผล ก็สามารถที่จะเข้าใจได้ ว่า พระภิกษุในพระธรรมวินัย ไม่สามารถรับและยินดีในเงินและทองได้เลย ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม



ถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมเกิดไม่ได้ เมื่อไม่มีความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นเหตุทำให้ทำในสิ่งที่ผิดมากมาย ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว จิตใจย่อมเสื่อมจากคุณธรรม เสื่อมจากความดีทุกประการ ในทางตรงกันข้าม ถ้าฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมไปเรื่อยๆ บ่อยๆ เนืองๆ ด้วยความเคารพ ละเอียดรอบคอบ ก็ย่อมจะทำให้มีความเข้าใจพระธรรมอย่างถูกต้องไปตามลำดับ เมื่อมีความเห็นถูก กาย วาจา ใจ ก็จะเป็นไปในทางที่ถูกยิ่งขึ้น มีปัญญาเป็นเครื่องนำทางชีวิตไปสู่คุณความดีทั้งปวง และเพราะมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ก็สามารถกล่าวความจริงเกื้อกูลบุคคลอื่นให้ตั้งอยู่ในความเห็นถูกด้วย ผู้ที่ได้รับการเกื้อกูลก็จะค่อยๆ ได้เริ่มสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปทีละเล็กทีละน้อย เป็นประโยชน์ทั้งในชาตินี้และสะสมเป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้าด้วย

การที่จะมีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง มีหนทางเดียวเท่านั้นจริงๆ คือ ต้องฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมด้วยความเคารพ ละเอียด รอบคอบ การไปทำอย่างอื่น ไปทำอะไรตามๆ กันตามที่คนหมู่มากกระทำกัน โดยที่ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร เช่น ไปนั่งนิ่งๆ แล้วคิดว่าปัญญาจะเกิดเอง เป็นต้น จะเป็นเหตุให้คุณความดีเกิดขึ้นได้อย่างไร มีแต่จะทำให้ความเห็นผิด ความติดข้องและความไม่รู้พอกพูนหนาแน่นทับถมขึ้นเรื่อยๆ และ ผู้นั้นก็เป็นผู้ประมาทพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ความจริงและทรงแสดงความจริงโดยละเอียดโดยประการทั้งปวง ด้วยเหตุนี้แต่ละคนจึงต้องเป็นผู้ตรงต่อพระธรรมและมีความจริงใจต่อการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจริง ที่สำคัญที่สุด คือ ตั้งต้นฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ให้เวลากับสิ่งที่มีค่าที่สุด

หลายท่านเคยประพฤติปฏิบัติผิดมาก่อน แต่พอได้อาศัยคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็สามารถละทิ้งการประพฤติปฏิบัติที่ผิดได้ ด้วยความเข้าใจถูกเห็นถูก เพราะฉะนั้น เมื่อได้เริ่มสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย มีปัญญาเจริญขึ้นไปตามลำดับ ก็จะเข้าใจได้ว่า สิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ตรงตามความเป็นจริง

ข้อความธรรมหลายตอนทีเดียวที่แสดงให้เข้าใจความเป็นพระภิกษตามพระธรรมวินัย อย่างถูกต้อง และ ความสำคัญของการฟังพระธรรม อันเป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้น ที่ปรากฏในหนังสือ “เก็บไว้ในหทัย” ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้กล่าวไว้ เป็นประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ดังเช่น .-

@ พระภิกษุต่างจากคฤหัสถ์ แค่นี้ก็ตอบได้ทุกข้อ เพราะว่าคฤหัสถ์ยินดีในเงินและทอง แต่ผู้ที่จะบวช สละเงินและทอง สละหมายความว่าไม่ยินดี เพราะฉะนั้น ถ้ายังคงยินดีในเงินและทองอยู่ก็ไม่ใช่พระภิกษุในพระธรรมวินัย

@ พระภิกษุในธรรมวินัย อยู่ได้ด้วยปัจจัย (คือ สิ่งที่เป็นที่อาศัยของชีวิต) ๔ อย่าง ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรค พอไหมที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อขัดเกลากิเลส แต่ถ้ายินดีในเงินและทอง ก็เพิ่มกิเลส ไม่ได้ขัดเกลากิเลสเลย

@ ตราบใดก็ตามที่ยังมีผู้นำเงินไปเกี่ยวข้องกับพระภิกษุ ผู้นั้น ไม่เป็นมิตรกับพระภิกษุแน่นอนเพราะทำให้ผู้กำลังจะละคายกิเลสกลับต้องหมกมุ่นเพราะกิเลส

@ ถ้าไม่ใช่พระภิกษุในธรรมวินัย แม้นั่งบริโภคอาหารรวมกับภิกษุอื่น ก็ด้วยอาการเหมือนขโมย เพราะอาหารที่เขาให้ ให้สำหรับผู้ขัดเกลากิเลสให้ผู้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยศึกษาธรรมเข้าใจ แต่ตนเองไม่มีลักษณะอย่างนั้น ไม่มีคุณพอที่จะรับอาหารอย่างนั้น ก็เหมือนกับขโมยอาหารขณะที่บริโภค

@ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ทำให้คนที่เห็นคุณค่าค่อยๆ ไตร่ตรองค่อยๆ เข้าใจและความเข้าใจนั่นแหละจะทำให้เป็นคนดี เพราะปัญญารู้ว่าอะไรถูก อะไรผิด อะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์

@ น่าเสียดายเวลาที่ไปประพฤติปฏิบัติผิด แทนที่จะเป็นเวลาฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนอย่างบุคคลในสมัยพุทธกาลที่ไปเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระวิหารเชตวัน พระวิหารเวฬุวัน เพื่อฟังพระธรรม

@ ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูก นำไปในกิจทั้งปวงที่เจริญ ที่เป็นกุศล ที่ถูกต้อง ไม่ใช่มีเราสามารถบังคับตัวเองให้เราเป็นคนดีได้ แต่ว่าความเข้าใจธรรมต่างหากที่ค่อยๆ ขัดเกลาความไม่ดีและความไม่รู้

@ เห็นประโยชน์ของการฟังพระธรรมหรือไม่? ถ้าฟังอีก ก็จะเข้าใจเพิ่มมากขึ้น ถ้าเห็นประโยชน์แล้วจะฟังแน่ๆ เพราะว่า เราฟังอย่างอื่นมามากแล้ว แต่การได้ฟังพระธรรมเป็นการฟังสิ่งที่มีประโยชน์กว่าสิ่งใดๆ ที่เราเคยฟังทั้งหมดทั้งสิ้น


กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Nattaya40
วันที่ 7 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
mammam929
วันที่ 7 ส.ค. 2562

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 7 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
abhirak
วันที่ 8 ส.ค. 2562

กราบแทบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่งครับ

ขอบพระคุณคณะวิทยากรทุกๆ ท่าน และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
worrasak
วันที่ 8 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 8 ส.ค. 2562

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 9 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chvj
วันที่ 10 ส.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 20 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ