ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒๐
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๒๐
~ ถ้าไม่มีผู้ที่มีความเข้าใจธรรมและไม่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย นั่น เป็นวัดหรือเปล่า?
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว แต่พระธรรมเป็นศาสดา เพราะฉะนั้น ที่ใดที่มีธรรม ที่นั้นเหมือนมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ด้วยตรงหน้า เพราะว่า ต้องมีความเคารพและระลึกถึงพระคุณเมื่อมีคนที่เข้าใจธรรมแล้วระลึกถึงพระคุณของพระองค์ มีหรือที่จะกระทำผิดจากพระธรรมที่ได้ทรงแสดงไว้และไม่ประพฤติตามพระธรรมวินัย
~ จะเห็นค่าของพระธรรมแต่ละคำเมื่อเราไม่ประมาทแล้วก็เข้าใจจริงๆ อย่างเช่นคำว่า ตั้งจิตไว้ชอบ สำคัญมาก เพราะเหตุว่าตั้งจิตอย่างไรจึงจะเป็นการตั้งจิตไว้ชอบในการที่จะเข้าใจแต่ละคำ เพื่อประโยชน์อะไร ที่สำคัญที่สุด ตั้งจิตไว้ชอบ คือ ไม่มีเรา
~ ไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นถูกเลย ถ้าไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าในภพไหนชาติไหนทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น โอกาสที่จะได้ฟังคำจริงที่ถูกต้อง จะไม่กล้าที่จะรู้ความจริงหรือ ไม่กล้าที่จะบอกว่าอะไรผิดหรือ แล้วถ้าบอกให้คนอื่นรู้ว่าผิด เป็นประโยชน์กับเขาไหม ต้องคิดถึงประโยชน์ ถ้ามีความเมตตาเป็นเพื่อนหวังดี
~ กล่าวถึงความจริงเพื่อให้เขาไตร่ตรอง เขาจะไม่ชอบหรือว่าไม่พอใจอย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญเลย สิ่งที่สำคัญ คือ ดำรงคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อคนที่สามารถจะเข้าใจได้ แม้ส่วนน้อย แต่ก็ยังมีส่วนหนึ่งซึ่งสามารถที่จะเข้าใจได้ และถ้าเรามีความมั่นคง คนที่เข้าใจได้เพิ่มขึ้นเท่านั้นเอง การที่มีคนเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น นั่นแหละ เป็นกำลังสำคัญที่จะทำให้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงอยู่ต่อไปได้
~ ให้ลาภให้ยศให้อะไรเขาก็ต้องตาย พ้นจากความเป็นบุคคลนี้ ลาภยศก็ไม่สามารถจะติดตามไปได้ แต่ถ้าได้ให้ความเห็นถูกซึ่งในชีวิตแสนโกฏิกัปป์มาแล้วไม่เคยมี ก็เปลี่ยนจากความเห็นผิด เป็นความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย ประโยชน์ยิ่งใหญ่กว่า
~ นกฮูก (ตามข้อความในอรรถกถาจุลลสีหนาทสูตร) ยังแสดงความนอบน้อมแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คนล่ะ มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ก็ยังสงสัยอยู่ ก็ยังมี บางคนก็บอกว่าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าไม่มีการสะสมจะมีความเข้าใจถูกไหม แต่ถ้ามีการสะสม แม้นกฮูกก็ยังแสดงความเคารพแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ถ้าไม่มีการสะสมมา เกิดมาเป็นคนก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ฟังพระธรรมให้เข้าใจธรรม (สิ่งที่มีจริง) อะไรเกิด ก็คือ ปกติ ก่อนฟังพระธรรมชีวิตก็เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งหมด ฟังพระธรรมแล้ว ก็เป็นไปตามเหตุปัจจัย แต่ที่สำคัญคือ มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น
~ ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน ซ้ำแล้วซ้ำอีกๆ ให้เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นธรรม
~ ฟังเพื่อให้มีความเข้าใจที่มั่นคงในความเป็นจริงของธรรม ซึ่งเมื่อเข้าใจแล้วใครก็เปลี่ยนความเข้าใจถูกให้ผิดไปก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนว่าธรรมไม่ใช่อย่างนี้ ธรรม เที่ยง ธรรมบังคับบัญชาได้ ก็ไม่ได้ เพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง และ ความเข้าใจก็จะมั่นคงขึ้น
~ ผู้ที่เป็นสาวก จะไม่ว่างเว้นจากการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก อบรมเจริญปัญญา
~ ความสำเร็จในทางพระพุทธศาสนา ก็คือ ไม่เคยรู้ก็ได้รู้ได้เข้าใจจนประจักษ์แจ้งความจริง
~ มั่นใจหรือยังว่าอะไรเป็นที่พึ่ง ขณะที่ทรัพย์สมบัติ ก็พึ่งไม่ได้ ทุกอย่างก็พึ่งไม่ได้ แล้วอะไรเป็นที่พึ่ง ทั้งวันผ่านไปไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรเพราะฉะนั้น อะไรเป็นที่พึ่ง ซึ่งควรจะพึ่งประจำวันทุกวัน ไม่อย่างนั้นขณะนั้นก็ไม่มีที่พึ่งอีกแล้ว คนไม่มีที่พึ่งจะเป็นอย่างไร คนที่มีที่พึ่งก็ยังอุ่นใจว่าพึ่งได้ ทีนี้พึ่งใครสำคัญที่สุด พึ่งคนโน้นพึ่งคนนี้เขาก็ไม่ได้อยู่ยั่งยืน เขาอาจจะเป็นที่พึ่งได้ในวันนี้แต่วันหน้าเขาก็เป็นที่พึ่งไม่ได้แล้ว เพราะฉะนั้น ที่พึ่งที่ประเสริฐที่สุด มีไหม?
~ ถ้ามีเหตุที่จะให้เข้าใจธรรม ธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่ไปประทุษร้าย ไม่ไปทำร้ายใครเลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ต้องรู้ว่าที่พึ่งคืออะไร พระสัมมาสัมพระเจ้าทรงแสดงว่าธรรม เป็นศาสดาแทนพระองค์
~ ถ้ามีการไตร่ตรอง ฟังธรรมเข้าใจจริงๆ ขณะที่เข้าใจ เป็นขณะที่มีประโยชน์ที่สุดในชีวิต เพราะเหตุว่า ยามยาก ยามทุกข์ ยามสุข ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ปัญญาต้องรู้
~ โอกาสที่จะได้ฟังพระธรรมแล้วรู้ความจริง ไม่ใช่หาง่ายเลย สำหรับบางคนอาจจะไม่มีเลยตลอดชีวิต
~ ฟังพระธรรม เพื่อละอกุศลคือความไม่รู้ และก็จะทำให้ละกิเลสอื่นๆ ด้วย
~ ที่ไม่ดี เพราะกิเลสหรือเพราะเข้าใจธรรม? เพราะกิเลส ไม่ใช่เพราะเข้าใจธรรมแน่นอน
~ ฟังพระธรรมไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อเข้าใจธรรม และความเข้าใจธรรมนั้น ก็ทำกิจที่จะไม่ไปสู่ทางอกุศล
~ ถ้ายังไม่ได้เข้าใจธรรมจริงๆ ก็ไม่สามารถละสิ่งที่สะสมมานานคือกิเลสได้
~ สิ่งที่ควรเจริญในชาตินี้ก็คือ ปัญญา เพราะเหตุว่า สิ่งอื่นไม่สามารถจะติดตามไปได้ทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่มีอยู่ ก็ติดตามไปไม่ได้ แต่ปัญญา ความเข้าใจพระธรรมจากชาติหนึ่งไปอีกชาติหนึ่ง ก็จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
~ ความดี แม้เพียงเล็กน้อย ถ้าไม่ทำหรืออกุศล (ความชั่ว) แม้เพียงเล็กน้อย ถ้าไม่เว้นขณะนั้นก็พอกพูนอกุศล,พระธรรมจะนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะปัญญารู้ว่าแต่ก่อนนี้ เคยเป็นคนที่ไม่สนใจที่จะทำดีเลย แต่พอได้ฟังพระธรรมแล้ว ก็เข้าใจว่า ถ้าไม่ทำดี ขณะนั้นก็เป็นอกุศล
~ ชีวิตของชาติหนึ่งซึ่งปัญญาจะเจริญขึ้น ที่จะอบรมเจริญความเห็นถูกในลักษณะของสภาพธรรมจะมากหรือจะน้อย เพราะว่าบางชีวิตก็สั้นมาก บางชีวิตก็อาจจะยืนยาวพอสมควร แต่ก็เป็นชีวิตที่ไร้สาระ เพราะเหตุว่าไม่ได้เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
~ แต่ละคนก็จะต้องจากโลกนี้ไป หมดสภาพความเป็นบุคคลนี้ แล้วก็สะสมกุศลบ้าง อกุศลบ้าง มากน้อยต่างๆ กันไป แต่ว่าสิ่งที่แน่นอนที่สุด ก็คือต้องจากเหตุการณ์และเรื่องราวต่างๆ ของโลกนี้โดยสิ้นเชิงในวันหนึ่ง
~ ไม่ควรเป็นผู้ประมาท แต่ก็ยากเหลือเกินในเมื่อมีอกุศลสะสมมาเสียมากมายทั้งโลภะบ้าง โทสะบ้าง เพราะฉะนั้นก็จะต้องอาศัยสติ การระลึกได้ เป็นผู้อารักขา การที่จะดำเนินชีวิตต่อไปในการที่จะเจริญกุศลมากขึ้น
~ สำหรับชีวิตแต่ละชาติจะเห็นได้ว่า ถ้าในทุกๆ ชาติที่เกิดมามีโอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม ถ้ายังไม่ละคลายอกุศลต่างๆ ในชีวิตประจำวันจริงๆ ด้วยความตั้งใจมั่น ด้วยความเพียร ด้วยความอดทน ก็ย่อมไม่ถึงกาลที่จะดับกิเลสได้ เพราะเหตุว่ากิเลสมากมายเหลือเกิน
~ ไปสำนักปฏิบัติ ทำอะไร เข้าใจอะไรหรือเปล่า? ไม่เข้าใจอะไรเลย ได้แต่ทำตาม เพราะฉะนั้น ก็เป็นศาสนาที่ให้ทำตาม แต่ไม่ได้ให้เข้าใจอะไรเลยทั้งสิ้น จึงไม่ใช่พระพุทธศาสนา เพราะไม่เข้าใจ
~ ความเห็นผิดทั้งหมด จะค่อยๆ หมดไป ด้วยความเห็นถูก.
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๑๙
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...