ความเป็นเรา เป็นภัย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์จริงๆ ต้องเป็นปัญญาที่เห็นการเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรม หากไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ก็จะถูกปิดบังไว้ด้วยความไม่รู้ ไม่มีใครจะเปิดเผยความจริงของสภาพธรรมได้เลย เพราะไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นคนนั้น คนนี้ เป็นสิ่งต่างๆ แล้วก็ยินดีพอใจ ติดข้อง ซึ่งเป็นเหตุของทุกข์ ทุกข์คือสภาพธรรมที่เกิดดับ การเกิดและตายในแต่ละชาติไม่มีที่สิ้นสุด สังสารวัฏฏ์ ก็คือ การเกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรม ผู้เห็นภัยต้องมีปัญญาที่เห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง เห็นมีจริง เห็นเพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้ เมื่อไม่รู้ความจริง ก็ไม่สามารถแทงตลอดสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ ไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้เลย แม้กิเลสขั้นแรกที่ต้องดับก่อน คือความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นสิ่งต่างๆ ที่เที่ยง เดี๋ยวนี้มีภัยไหม? กำลังเห็นเป็นภัยไหม? แล้วเห็นภัยหรือยัง ความไม่รู้เป็นภัย เห็นเป็นภัย ขณะเห็นไม่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง หลังเห็นกิเลสต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ความติดข้อง โลภะ โทสะ.. ล้วนแต่เป็นภัย ตามความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรที่เป็นเรา เป็นเขาเลย มีแต่สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อไปตามเหตุปัจจัยทุกๆ ขณะ ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน มีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัสเย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ล้วนเป็นสภาพธรรมทั้งหมด
ขณะนี้มีภัยไหม? ขณะเห็นแล้วมีความไม่รู้ ก็มีภัยแล้ว ความเป็นเราก็มีภัย ถ้าไม่เห็นภัยจริงๆ ก็ละภัยไม่ได้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะไม่รู้จักภัย ไปอยู่ป่า ไปสู่สำนักปฏิบัติด้วยความเป็นเรา ไปโดยไม่เข้าใจพระธรรม แล้วจะละกิเลสได้อย่างไร
ขอเชิญคลิกฟังได้ที่...
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ...
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่...
ภัยที่น่ากลัว คือ ความชั่วที่เราทำ
ผู้เห็นภัยในสังสารวัฏฏ์จริงๆ ต้องเป็นปัญญาที่เห็นการเกิดขึ้น และดับไปของสภาพธรรม หากไม่มีการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้ก็จะถูกปิดบังไว้ด้วยความไม่รู้
อนุโมทนาในกุศลวิริยะค่ะ
ถ้าไม่ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ก็ไม่รู้ความจริงเลยว่าอยู่กับภัยตลอดเวลา ภัยที่น่ากลัวเริ่มจากความไม่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ แล้วก็หลงยึดถือในสภาพธรรมนั้นๆ ทั้งที่เกิดดับว่า เป็นเรา เป็นเขา และยั่งยืน ความยึดถือนำมาซึ่งการติดข้องแสวงหาไม่รู้จบ แม้จะทำทุจริต เบียดเบียนชีวิตอื่นก็ไม่เว้น ก็นำมาซึ่งภัยในสังคม และรับโทษจากกฏหมายบ้านเมือง และต้องรับโทษต่อที่นรก แล้วก็รับเศษของกรรมในภูมิทั้ง 3 คือ เปรต สัตว์เดรัจฉาน อสุรกาย แม้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ไม่พ้นภัยที่ต้องรับจากอกุศลกรรม เจ็บป่วย พลัดพราก สูญเสีย หรือแม้ทำความดีเท่าไร ถ้ายังเป็นไปด้วยความไม่รู้ก็ยึดติดในความดีนั้นว่าเป็นเรา ทำด้วยความหวังผลตอบแทน เมื่อไม่ได้รับผลตามที่หวัง แม้คำชื่นชม ก็นำมาซึ่งความเสียใจ และเกิดอกุศลธรรมตามมาได้ แม้ได้เกิดเป็นมนุษย์ด้วยเหตุนั้น ก็ไม่สมบูรณ์ ที่สำคัญคืออบรมเจริญปัญญาไม่ได้ในชาตินั้น
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่ถ่ายทอดคำจริงของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรม และเห็นโทษของความไม่รู้ซึ่งมีค่าอย่างยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดที่ได้รับในชาตินี้
กราบอนุโมทนากุศลวิริยะ พี่เมตตา ด้วยค่ะ