โมหะหรืออวิชชา ความไม่รู้ มีโทษมากและคลายช้า

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  31 ธ.ค. 2562
หมายเลข  31414
อ่าน  1,272

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ท่านอาจารย์ : โมหะหรืออวิชชามีโทษมากและคลายช้า แค่นี้เห็นความมีโทษมากของอวิชชาหรือยัง เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะคิดถึงไม่อยากมีโทสะอันดับแรก แล้วก็ต่อไปอาจจะเห็นโทษของโลภะว่าเพราะมีโลภะนั่นเองจึงได้มีโทสะ ก็เห็นโทษ และก็ไม่อยากจะมีโลภะมากๆ เพราะว่า ถ้ามีโลภะมากจนกระทั่งเกินประมาณก็เป็นเหตุให้กระทำทุจริตกรรม และเมื่อทำทุจริตกรรมแล้วไม่ใช่ว่าจะมีความสุขเลย ผลของอกุศลกรรมก็ติดตามมา

แต่โทษที่มากจริงๆ คือ "โมหะ" ความไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งถ้ายังมีโมหะอยู่ ออกจากสังสารวัฏฏ์จนกระทั่งเป็นการปรินิพพานไม่ได้เลย มีความไม่รู้อย่างมากมายในเรื่องของความไม่รู้ที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น เวลาที่ได้ยินคำไหนก็ติดตามไปเพื่อที่จะได้ฟังธรรม และได้เข้าใจถึงโทษมากของอวิชชาหรือโมหะ เพราะเหตุว่าถ้าไม่มีความเห็นว่าขณะนี้เราไม่รู้ก็จะไม่มีการศึกษาธรรมเลย เพราะฉะนั้น ทุกคนเห็นโทษของโมหะ แม้จะไม่กล่าวว่าเราเห็นโทษมากน้อยแค่ไหน แต่การที่มีการศึกษาธรรม นั่นก็แสดงว่าต้องเห็นโทษของความไม่รู้ แต่เพียงไม่รู้ว่าไม่รู้อะไรบ้างเท่านั้นเอง จึงต้องศึกษาให้รู้ว่าความจริงแล้วไม่รู้สิ่งที่กำลังมีจริงทั้งหมดตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้น โทษมากไหม ออกจากสังสารวัฏฏ์ไม่ได้เลย

มีเงินทอง มีทรัพย์สมบัติ มีความรู้ มีทุกอย่าง แต่จะมีสุขตลอดวันตลอดเวลาไม่ได้ บางคนอาจจะคิดว่าไม่มีทุกข์ แต่ทุกข์กายก็ยังมี หิวบ้าง เจ็บปวดบ้าง นิดๆ หน่อยๆ พวกนี้โดยคิดว่าทนได้เพราะว่าเคยทนมานาน แต่ว่าตามความเป็นจริง ถ้าเห็นโทษจริงๆ ของโมหะก็จะเห็นประโยชน์ของการที่ไม่มีโมหะเลย ซึ่งถ้าไม่มีโมหะเลยจะเกิดไหม ไม่เกิด แต่ว่ายังเห็นว่าเกิดมาแล้วไม่ลำบากเท่าไหร่ พอทนได้ ทุกชาติๆ ก็ทนไป แต่ว่าความเจ็บไข้ได้ป่วย ความทุกข์กายทุกข์ใจ จะทนได้แค่ไหน ขณะที่กำลังเป็นอยู่ ขณะนี้อยู่ในโลกมนุษย์ทนร้อนได้ใช่ไหม ถ้าอยู่ในนรกร้อนระดับนั้นจะทนได้มากไหม แต่ก็ต้องทน จะเจ็บจะปวดสักเท่าไหร่ก็ต้องทน อย่างถ้าใครที่บาดเจ็บ มีนิ้ว มีมือถูกประตูหนีบหรืออะไรก็ตามแต่ วันก่อนนี้ก็มีคนเล่าเรื่องประตูหนีบ ๒ คน ไม่ใช่คนเดียว ดูเป็นชีวิตประจำวัน คนหนึ่งก็บอกว่าไม่สนใจ ทายาหม่องแล้วก็หายไป อีกคนหนึ่งก็ปวดเจ็บเพราะว่าคิดถึงแต่เรื่องของนิ้วที่ถูกประตูหนีบ นี่ก็แสดงให้เห็นว่าชีวิตจริงๆ มีการที่ต้องรู้สึกเจ็บป่วยทนทุกข์ทรมานมากบ้างน้อยบ้างตามกรรม แล้วใครจะรู้ว่าวันไหนอะไรจะเกิดขึ้น ขณะนี้ยังไม่สิ้นชีวิต แต่จากขณะนี้พริบตาเดียวอยู่ในนรกได้ไหม ได้แล้ว สวรรค์ก็ได้ ที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น

เพราะฉะนั้น ความเป็นผู้ไม่ประมาทก็คือว่า ตราบใดที่ไม่รู้ก็ควรจะศึกษาให้รู้ขึ้น ให้เข้าใจขึ้น เพื่อที่จะละความไม่รู้ จนถึงสามารถที่จะดับได้เป็นสมุจเฉท นี่คือการเห็นโทษของโมหะ ตราบใดที่ยังฟังพระธรรมอยู่ ก็แสดงว่าบุคคลนั้นเห็นโทษของโมหะ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดอกุศลกรรมทั้งหลาย หรือว่าให้เกิดอกุศลจิต ซึ่งใครก็บังคับบัญชาไม่ได้

ขอเชิญคลิกฟังที่นี่.....

โทษของความไม่รู้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 22 มี.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kullawat
วันที่ 11 มี.ค. 2564

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ