เพียงไปนั่งไปเดินไปยืน จะมีปัญญาได้อย่างไร ... ประมวลสาระสำคัญจากการสนทนาพิเศษ วันศุกร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๓

 
khampan.a
วันที่  3 ม.ค. 2563
หมายเลข  31424
อ่าน  2,028

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาพิเศษ

เรื่อง

"สำนักปฏิบัติธรรม ทำให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองจริงหรือ" (ต่อ)

ที่บ้านคุณทักษพล - คุณจริยา เจียมวิจิตร

วันศุกร์ที่ ๓ มกราคม ๒๕๖๓



[ทีมงานอาสาสมัครบันทึกวีดีโอการสนทนาพิเศษในครั้งนี้]



~ อุบาสิกา ไม่ใช่ใครไปแต่งตั้งหรือใครไปบวชให้หรือใครไปทำพิธีให้ แต่ต้องเป็นการที่มีความมั่นคงต่อพระรัตนตรัย จึงมีชื่อว่ผู้นั่งใกล้พระศาสนา

~ เป็นอุบาสิกา ไม่มีการบวชเป็นอุบาสิกา ก็คือเป็น เพราะเหตุว่า ธรรมเป็นความจริงซึ่งเปลี่ยนไม่ได้ ใครจะคิดใครจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคล ซึ่งมีความเข้าใจหรือไม่เข้าใจในความเป็นจริง เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจว่าตัวเองเป็นอุบาสิกาเพราะว่ามีผู้ที่บวชให้หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ไม่เข้าใจพระธรรมเลย คนนั้นก็ไม่ใช่อุบาสิกาแน่นอน เพียงแต่คิดว่าตัวเองเป็น

~ สภาวะของอุบาสิกาในพระพุทธศาสนา ก็คือ ผู้หญิงที่ได้ฟังพระธรรมเข้าใจ แล้วก็มีการเข้าไปนั่งใกล้ คือ ไม่ละเลย ไม่ละทิ้งเลยเพราะว่า เห็นประโยชน์อย่างยิ่ง จึงฟังพระธรรม เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส จนสามารถที่จะถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นใคร คำของพระองค์เปลี่ยนได้ไหม? เมื่อพระองค์ไม่ได้ตรัส แล้วเราไปทำสิ่งที่พระองค์ไม่ได้ตรัสไว้หมายความว่า ไม่ได้เป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เชื่อฟังคำของพระองค์ เพราะเหตุว่า ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่จะทำสิ่งใดที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในการที่จะศึกษาให้เข้าใจ เพื่อประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้อง มิฉะนั้นแล้ว ทุกอย่างที่ทำ ทำลายพระพุทธศาสนา

~ ถ้าเป็นพระภิกษุ (ในพระธรรมวินัย) ที่รู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ผิด ท่านไม่ทำแต่ถ้าทำไปแล้วเพราะไม่รู้ มารู้ทีหลัง ก็ต้องปลงอาบัติ คือ สำนึกผิดที่จะไม่ทำอีก

~ ผิดทุกอย่าง ไม่ว่าอะไรทั้งหมด ทำไมกล่าวอย่างนี้? เพราะไม่เข้าใจพระธรรม

~ ใครก็ตามที่ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา หญิงหรือชาย จะเป็นอุบาสิกาหรืออุบาสก ได้ไหม? เป็นคนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นบริษัทของพระองค์ได้ไหม?

~ เข้าใจผิดแล้วจะถูกได้อย่างไร?

~ คนไม่รู้ เต็มไปด้วยความไม่รู้ทั้งหมด เมื่อไม่ศึกษาพระธรรม

~ การศึกษาพระธรรม ต้องด้วยความเคารพ ทุกคำ ต้องตรง ไม่อย่างนั้น จะไม่เจริญงอกงามในพระพุทธศาสนาแน่นอน

~ ทั้งหมดที่เป็นความผิด มาจากเพราะไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการกระทำใดๆ ทั้งหมด ซึ่งตรงกันข้ามกับคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสไว้

~ บวชโดยไม่เข้าใจพระธรรม จึงมีพฤติกรรม มีทุกสิ่งทุกอย่างซึ่งไม่ทำให้เกิดความเข้าใจพระธรรมเลย

~ ไม่อดทนที่จะฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะละกิเลสได้อย่างไร? จะละกิเลสโดยไม่อาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ได้อย่างไร?

~ เมื่อไม่ใช่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กล่าวว่า เป็น ก็ต้องผิด เป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องของสัมมามรรค (หนทางที่ถูก) และ มิจฉามรรค (หนทางที่ผิด) ประโยชน์ คือ อย่างไร?

ถ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงแสดง จะรู้ไหมว่า ที่ทำมาแล้วทั้งหมดผิด ก็จะไม่รู้ เพราะฉะนั้น รู้ได้ เพราะอะไร? รู้ได้ เพราะทรงแสดงความจริง ถ้าเป็นสัมมามรรค จะต้องเป็นอย่างนี้ (คือเป็นหนทางที่ถูกต้อง ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น) ถ้าไม่ใช่อย่างนี้ ก็ต้องเป็นมิจฉามรรค

~ ถ้าเป็นคนที่สะสมมาที่จะเป็นผู้ที่ไม่ไร้เหตุผล จะต้องฟังดูว่าคนนี้พูดอะไร จริงไหม ถ้าเป็นสิ่งที่จริงสมควรที่จะเชื่อได้ ก็เชื่อในความจริงที่พูด แต่ไม่ใช่ว่าไปเชื่อเขาเสียก่อนแล้วเขาพูดอะไร ก็ตามไปโดยไม่พิจารณาดู

~ เพียงไปนั่ง ไปเดิน ไปยืน จะมีปัญญาได้อย่างไร

~ ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจอะไรแล้วไปทำ ได้อย่างไร? เหตุกับผล ไม่ตรงกันเลย อย่างให้ไปเดินแล้วจะเกิดปัญญา รู้อะไร? เพราะถ้าไม่รู้ จะเป็นปัญญาได้อย่างไร? แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสอย่างนี้หรือ? ลืมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย (ลืมสนิทเลย ไม่ได้คิดถึงคำสอนของพระองค์เลย)

~ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เห็นประโยชน์ จึงมีความหวังดีต่อทุกคนที่หลงผิดให้ได้มีโอกาสได้ฟังได้คิดได้ไตร่ตรอง เพื่อที่จะพ้นจากความเห็นผิ

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นปาฏิหาริย์ ที่ไม่เคยได้ฟังมาก่อนแล้วคิดต่างๆ นานาเห็นผิดทำผิดต่างๆ แต่ถ้าได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว เป็นผู้ตรงเท่านั้นที่จะทำให้พ้นจากความเห็นผิดได้ คำจริงของพระองค์เท่านั้น ที่จะทำให้คนอื่นพ้นจากความเห็นผิดได้ด้วยความเข้าใจของเขาเอง เพราะฉะนั้น การที่เราจะให้ใครพ้นจากความเห็นผิด ไม่ใช่ไปบอกเขาไม่ใช่ไปชวนเขา แต่ให้เขาได้ฟังคำ ให้เขาไตร่ตรองเอง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจของเขาเอง เขานั่นแหละจะช่วยตนเองให้พ้นจากความเห็นผิดได้ เพราะเหตุว่า เข้าใจคำที่ได้ฟัง

~ เป็นการยากที่จะได้ถึงความเป็นผู้ที่มั่นคงในพระธรรม เพราะว่า พระธรรม ไม่ง่ายเลย ยิ่งได้ฟังได้เข้าใจ ก็ยิ่งเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง จนมีความประสงค์ที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูกต้อง ไม่ว่าเขาจะรักหรือเขาจะชัง ก็ไม่หวั่นไหว เพราะเหตุว่า เราไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อจะให้คนรักหรือคนชัง แต่ว่า ทำเพื่อประโยชน์จริงๆ

~ เป็นโอกาสที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตที่ได้ช่วยกันรักษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Khemsai
วันที่ 3 ม.ค. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Khemsai
วันที่ 3 ม.ค. 2563

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 3 ม.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
mammam929
วันที่ 3 ม.ค. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ พระธรรมยิ่งเปิดเผยยิ่งรุ่งเรือง

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
j.jim
วันที่ 3 ม.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
jariya.tr
วันที่ 3 ม.ค. 2563

กราบเท้าบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ กราบขอบคุณและกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์และอ.วิทยากรทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
papon
วันที่ 3 ม.ค. 2563

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Selaruck
วันที่ 4 ม.ค. 2563

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบขอบคุณและอนุโมทนาอาจารย์วิทยากรและทีมงาน มศพ ทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
panasda
วันที่ 4 ม.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 4 ม.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 5 ม.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Nattaya40
วันที่ 12 ก.พ. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ