อกุศลจิตในพระรัตนตรัยเกิดบ่อยๆจะเป็นอะไรไหม
กราบเรียนท่านวิทยาธร
อันนี้เป็นความไม่สบายใจของผม ผมเคยมีลักษณะอาการทางจิตคล้ายโรค OCD (Obsessive-Compulsive Disorder) หรือที่เรียกกันว่าย้ำคิดย้ำทำ โดยจะกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำๆ เพราะมีอกุศลจิตเกิดขึ้นว่าถ้าไม่ทำ จะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับบุคคลนั้นบุคคลนี้ แม้จะรู้ว่าไม่สมเหตุสมผล แต่ด้วยอกุศลจิตที่มีกำลังก็ทำให้จิตใจกระวนกระวายจนมีอาการกระทำอะไรซ้ำๆ ดังกล่าวร่ำไปกระทบต่อชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก
หลังจากได้ศึกษาธรรมะ เข้าใจพระธรรมมากขึ้น อาการก็ทุเลาไปมากๆ แม้ก็ยังมีจิตอย่างนั้นปรากฏบ้างบางวาระ แต่ก็มีสติพอจะไม่กระทำอะไรซ้ำๆ ตามเดิมเพราะทราบว่าเป็นเพียงอกุศลจิต ไม่ใช่เหตุปัจจัยที่จะทำให้เกิดอะไรขึ้นกับบุคคลอื่นได้เพียงเพราะเราไม่กระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
แต่พักหลังมานี้ก็เริ่มกลับมามีอาการอีก แม้จะทราบดีว่าเป็นเพียงอกุศลจิต แต่ในวาระหลังๆ นี้ อารมณ์ของอกุศลจิตนี่มักมุ่งไปที่พระรัตนตรัยเป็นหลัก เช่น เวลาจะใส่รองเท้า ในอดีต จะมีอาการในจิตว่า "ถ้าไม่ถอดแล้วใส่ใหม่ เพื่อนจะตายนะ" อะไรแบบนี้ ซึ่งอาการนั้นผมสามารถที่จะมีสติระลึกแล้วไม่กระทำได้จนหายเป็นปรกติ
แต่อาการในตอนหลังนี้เปลี่ยนเป็นในระหว่างใส่ถุงเท้า ก็จะมีภาพพระรัตนตรัยหรือบุคคลที่เคารพปรากฏขึ้นมา โดยจะรู้สึกเสมือนว่าเราเหยียบในสิ่งที่เราเคารพ ทำให้จิตใจกระวนกระวายมากกว่าปรกติเพราะนั่นคือสิ่งที่เราเคารพอย่างยิ่ง และอารมณ์นี้ไม่ดับไปโดยง่าย จะคิดอยู่ในใจตลอดเวลาที่ยังไม่ได้ถอดถุงเท้าแล้วใส่ใหม่ ทำให้เกรงกลัวว่าถ้าจิตยังเกาะเกี่ยวอยู่แบบนี้ในอารมณ์นี้ ก็อาจพลาดพลั้งเป็นอกุศลกรรมจริงๆ จึงเริ่มมีอาการต้องถอดถุงเท้าออก แล้วพยายามที่จะใส่ถุงเท้าในขณะที่จิตไม่คิดถึงพระรัตนตรัย เพราะถ้าไม่ทำเช่นนั้นจิตก็จะกระวนกระวายอย่างมาก
มีประเด็นที่อยากทราบในเรื่องนี้ คือถ้าจิตผมเกาะเกี่ยวในอารมณ์นี้มากๆ จะเป็นอกุศลกรรมอะไรหรือไม่ ผมสามารถใส่ถุงเท้าได้อย่างสบายใจโดยไม่ต้องกระวนกระวายว่ากำลังทำอกุศลกรรมใช่ไหม แม้จิตจะใฝ่อารมณ์ไปในการไม่เคารพพระรัตนตรัย เพราะไม่ได้มีเจตนาอย่างนั้นอยู่แล้ว แต่จิตมันเกิดดับไวมากและเกิดดับในอารมณ์นั้นบ่อยจนมีกำลังจดจ่อในอารมณ์นั้นมากทำให้เราไม่สบายใจ
กราบขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
หากเข้าใจความจริง สภาพธรรมอย่างหนึ่งคือจิต ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ จะคิดดี คิดร้าย จะคิดอย่างไรก็บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่เดือดร้อนเพราะยึดถือว่าเป็นเรา รักตัวเอง กลัวตัวเองจะได้รับสิ่งที่ไม่ดี แต่ถ้าเริ่มเข้าใจพระธรรมของพระพุทธเจ้าที่ว่า ไม่มีเรามีแต่ธรรม ก็จะเบาขึ้นเพราะไม่มีใครที่คิดดี หรือ คิดไม่ดี เพราะมีแต่ธรรมที่คิดเท่านั้น
ท่านพระสารีบุตรได้กล่าวกับพราหมณ์ท่านหนึ่งว่า ที่บุคคลมีจิตเดือดร้อนกระสับกระส่าย เพราะยึดถือว่ารูปร่างกายและใจนี้เป็นเรา เป็นตัวเราจริงๆ เพราะฉะนั้นหนทางที่ถูก ไม่ใช่ว่าจะให้ทำยังไง ทำได้ไหม บังคับจิตได้ไหม ถ้าบังคับได้ก็บังคับให้ไม่มีกิเลส ไม่ต้องคิดไม่ดีเลย ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น หนทางที่ถูก คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่ถูกต้อง ที่เข้าใจถูกในขั้นการฟังว่ามีแต่ธรรมไม่ใช่เรา เบาขึ้นว่าไม่มีเราคิดไม่ดี มีแต่ธรรมที่คิด
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและ พระอริยสงฆ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นรัตนะ เพราะทำให้สัตว์โลกได้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นรัตนะ เพราะทำให้ผู้ที่ได้ฟัง มีความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น ได้เข้าใจความจริงจนกระทั่งประจักษ์แจ้งความจริงตามที่ได้ฟังจนถึงความเป็นพระสังฆรัตนะ คือ สาวกผู้ที่ได้ฟังพระธรรมและดับกิเลสได้ตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงพระธรรม ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา แห่งการประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้ มีผู้ที่ได้รู้แจ้งธรรมหมดจดจากกิเลส เป็นผู้ปราศจากกิเลส เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่มีบุคคลใดจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ได้
การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ด้วยความละเอียดรอบคอบ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกเท่านั้น ที่จะเป็นไปเพื่อละคลายความเห็นที่ผิด ที่ไม่ตรง ได้ในที่สุด เมื่อมีความเข้าใจแล้ว ก็จะมั่นคงในความจริง มั่นคงในเหตุในผล ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ครับ
...อนุโมทนาในกุสลจิตของทุกๆ ท่านครับ...