ปัญญาเกิดขึ้นขณะใด

 
poweramnat
วันที่  20 ก.พ. 2563
หมายเลข  31562
อ่าน  1,077

เมื่อเกิดผัสสะทางทวารหนึ่งทวารใด ก็เกิดจิตตั้งแต่ทวาราวัชชนจิต จนถึงตทาลัมพนจิต เป็นปกติเพราะไม่รู้ แต่เมื่อมีการสะสมปัญญามากพอจนปัญญาเกิดขึ้นได้ ที่ท่าน อ.ท่านกล่าวว่าแทนที่จะเป็นเรื่องราวเป็นบุคคล ก็เป็นสติปัฏฐาน เห็นความจริง เป็นผู้ตรง ผมอยากทราบอย่างละเอียดครับว่า ในขณะที่เกิดปัญญา เกิดขึ้นขณะจิตใด เกิดแทรกจิตใดและปัญญาสะสมที่จิตใด ขอความกรุณาอธิบายขยายความครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ก.พ. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สติปัฏฐาน คือ ปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ที่มีลักษณะ ที่เป้นปรมัตถธรรม ที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม เพราะฉะนั้น ปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรรม สภาพธรรมไม่ได้อยู่ที่ไหนเลย แต่อยู่ที่ขณะนี้ ที่กำลังมีกำลังปรากฏในชีวิตประจำวัน เห็น ได้ยิน คิดนึก โลภะ โกรธ ไม่รู้ เป็นต้น ล้วนเป็นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ดังนั้น ปัญญาก็ต้องเกิดรู้ความจริงในชีวิตประจำวัน คือ ขณะนี้ ปกติ เมอื่เห็นแล้ว ก็เกิดอกุศล ชอบ พอใจในสิ่งที่เห็น แต่ เมื่อสติและปัญญามีกำลังถึงพร้อม สติปัฏฐานก็เกิดแทนอกุศล แทนที่จะเห็นแล้วชอบสิ่งที่เห็น ก็เกิดปัญญาแทนอกุศลนั้นที่รู้ลักษณะของสิ่งที่เห็น คือ สี ที่กำลังปรากฎรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือ ปัญญานำไปในกิจทั้งปวงและสติจำปรารถนาในที่ทั้งปวงที่สามารถเกิดแทรกได้ ในชีวิตประจำวัน แต่สำคัญที่เริ่มจากขั้นการฟัง ให้มั่นคงในความเป็นอนัตตา เริ่มจากธรรมคืออะไร เป็นสำคัญ ปัญญาจะค่อยๆ ปรุงแต่เองซึ่งเป็นเรื่องที่ไกลแสนไกล แต่สามาถรู้ได้ แต่ไม่ใช่การบอกให้รู้ว่ามีลักษณะแบบนี้ แต่ปัญญาของผู้นั้นเองที่จะรู้เมื่อเกิดกับตนเอง แต่ใช้เวลายาวนานนับชาติไม่ถ้วน ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.พ. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริงๆ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่ว่าพ้นไปจากสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ นั้น เป็นที่ตั้งให้สติปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตามความเป็นจริงได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ได้ ขณะที่ระลึกรู้สภาพธรรม ก็ต้องเป็นแต่ละหนึ่งของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏด้วยดีต่อสติปัญญาและสภาธรรมที่เกิดร่วมด้วยในขณะนั้น ไม่ใช่รู้พร้อมกันๆ หลายๆ อารมณ์ และไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด แต่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ซึ่งจะต้องอาศัยเหตุที่สำคัญ คือ การฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ จนมั่นคงจริงๆ เพราะระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง นั้น ไม่ใช่เพียงคำพูด แต่เป็นการที่ไม่ว่าจะสภาพธรรมที่เกิดปรากฏ ก็สามารถรู้ตามความเป็นจริง ไม่ผิด ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เพราะฉะนั้น เพราะสะสมความไม่รู้มานานแสนนาน จึงต้องไม่ขาดการฟังพระธรรม ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย จริงๆ ครับ

ขอเชิญคลิกฟังคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ ครับ

กว่าการฟังจะมีการเข้าใจ

ผู้มีปรกติเจริญสติปัฏฐานเป็นอย่างไร

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ