ขณะนี้เป็นภัย เพราะไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมะ
ขณะนี้เป็นภัยอย่างไร ภัยที่เห็นผิดว่าเป็นเรา ภัยอื่นก็เห็นกันง่ายๆ ธรรมดาๆ ไฟไหม้ น้ำท่วม เชื้อโรค แต่ ขณะนี้เป็นภัย เพราะไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมะ ธรรมะลึก.. ยากที่จะเห็นได้ แม้กำลังมีก็ถูกปกปิดไว้ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแม้คำคำเดียวก็ต้องรอบรู้ถึงที่สุด ถ้าไม่มีธรรมะเกิดขึ้นจะเป็นภัยไหม การเกิดเป็นภัยไหม ไม่เห็น .. ไม่รู้ แต่ทุกคำพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถนำไปสู่การประจักษ์แจ้ง (ปฏิเวธ) ที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง
"สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา" ความเข้าใจเผินหรือลึกขนาดไหนต้องตามความเข้าใจ ขณะนี้เห็นเกิดดับไม่ปรากฏ แล้วจะเห็นภัยนี้ได้อย่างไร จะเห็นภัยนี้เมื่อปัญญาสามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมทีละหนึ่ง การฟังธรรมต้องมีความเข้าใจตามลำดับขั้น เพียงขั้นฟังเริ่มนำไปสู่การเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ถ้าไม่มีความเข้าใจในขั้นต้นเลย จะถึงการประจักษ์แจ้งไม่ได้ อีกไกลแต่ต้องเข้าใจ จะเห็นประโยชน์ของความเข้าใจหนึ่งขณะว่ามีค่ามหาศาล เพราะถ้าไม่มีขณะหนึ่งที่เข้าใจ ขณะต่อๆ ไปจะมีได้อย่างไร
แต่ละหนึ่งขณะมีค่ามาก เห็นประโยชน์ว่าต้องฟังคำซึ่งยากที่จะได้ยินได้ฟังในสังสารวัฏฏ์ มีผู้ได้ยินได้ฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจแล้ว แต่อีกมากเท่าไหร่ที่ไม่ได้ฟังเลยที่จะต้องเป็นสังสารวัฏฏ์ต่อไป
ไม่มีเรา แต่เป็นธาตุเป็นธรรมะแต่ละหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นไปตามปัจจัย และความเห็นถูกเข้าใจถูกแต่ละหนึ่งๆ มิเช่นนั้นจะเห็นภัยของการเกิดขึ้นและดับไปของธรรมะได้อย่างไร
เห็นพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าลึกซึ้งขนาดไหน กว่าจะรู้คุณของพระองค์ก็ต่อเมื่อฟังด้วยความเคารพ มั่นคง ไตร่ตรองจนเป็นความเห็นถูกที่ค่อยๆ มั่นคงขึ้น
โลกเพลิดเพลินสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นภัย โลกกลัวสิ่งใด สิ่งนั้นเป็นทุกข์
กราบบูชาคุณท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพยิ่ง
เพียงขั้นฟังเริ่มนำไปสู่การเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ถ้าไม่มีความเข้าใจในขั้นต้นเลย จะถึงการประจักษ์แจ้งไม่ได้ อีกไกลแต่ต้องเข้าใจ จะเห็นประโยชน์ของความเข้าใจหนึ่งขณะว่ามีค่ามหาศาล เพราะถ้าไม่มีขณะหนึ่งที่เข้าใจ ขณะต่อๆ ไปจะมีได้อย่างไร
...ขออนุโมทนาค่ะ....
ฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีก พิจารณาตามไป สภาพปัญญาเขาทำหน้าที่ของเขาเอง
กราบอนุโมทนายิ่งค่ะ