พระปัจเจกพุทธเจ้าแตกต่างจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไร

 
ฉันเกิดมาเพื่อทำให้ตัวฉันไม่ตาย
วันที่  14 มี.ค. 2563
หมายเลข  31629
อ่าน  6,514

เท่าที่รู้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้ทางแห่งนิพพาน (การไม่เกิดไม่ตายอีก) ด้วยตนเองและสอนให้ผู้อื่น (คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ฯลฯ) รู้ตามพระองค์

พระปัจเจกพุทธเจ้า คือผู้ที่ตรัสรู้เอง แต่ไม่สอนบุคคลอื่นให้รู้ตาม

แต่ในพระสูตรหรือเรื่องเล่าสมัยพุทธกาลบางตอน (เช่น เรื่องเล่าตอนที่สุนัขไปเห่าหอนป้องกันภัยให้พระปัจเจกพุทธเจ้า) จะเห็นได้ว่า

พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ยังมีสอนบุคคลอื่นอยู่เหมือนกัน มันยังไงกันแน่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 มี.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันตสัมมามัมพุทธเจ้า คือ ผู้ที่ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง โดยไม่ฟังจากใคร และสามารถสั่งสอน ให้ผู้อื่นรู้ตาม และ บรรลุได้ด้วย

พระปัจเจกพุทธเจ้า คือ ผู้ตรัสรู้เฉพาะผู้เดียว หมายถึง พระพุทธเจ้าผู้บำเพ็ญบารมีสิ้น ๒ อสงไขกับ ๑ แสนกัปป์ เป็นผู้ตรัสรู้เองได้ เพราะการสะสมบารมีไม่เพียงพอที่จะรู้ทุกสิ่งเหมือนพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธพุทธเจ้าไม่ได้ตั้งศาสนาเพราะไม่สามารถบัญญัติศัพท์ที่เป็นคำพูดให้เข้าถึงสภาวธรรม ไม่สามารถกำหนดรู้อินทรีย์ของสัตว์ และไม่มีอัธยาศัยใหญ่ในการอนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์ เหมือนกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าจึงอุปมาตนเองเหมือนกับนอแรด คือมีนอเดียว ไม่มีกิ่งก้านสาขาอันเป็นที่เกาะเกี่ยว ไม่เกี่ยวข้องด้วยกิเลสกับใครๆ ซึ่ง ในช่วงเวลาที่ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เกิดขึ้นในโลก และ พระธรรมของพระองค์ยังไม่อันตรธาน ผู้ที่จะบรรลุเองได้อีก โดยไม่ฟังจากใคร ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะ เป็น ช่วงเวลาของการประกาศพระศาสนาของพระพุทธเจ้า หากว่ามีการเกิดขึ้นของพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ ก็เท่ากับว่า มีการรู้ด้วยตนเอง โดยไม่ได้ฟังจากใคร ดั่งเช่น พระพุทธเจ้าในยุคสมัยนั้น พระพุทธเจ้า ก็จะถูกติเตียน หรือ ไม่ถือว่าเป็นเลิศผู้เดียวได้ เพราะ แม้ไม่ฟัง ก็บรรลุได้ โดยไม่ต้องอาศัยพระพุทธเจ้า

เพราะฉะนั้น ช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระศาสนายังอยู่ ย่อมไม่มีพระปัจเจกพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ผู้ที่จะตรัสรู้ได้ ก็ต้องเป็น สาวก คือ ผู้ที่รู้ตามเท่านั้น

ดังนั้นตามที่กระทู้ถามเรื่องพระปัจเจกพุทธเจ้ากับสุนัข ตามเรื่องในพระไตรปิฎก ไม่ใช่คัมภีร์แต่งภายหลัง พระปัจเจกพุทธเจ้า ไม่ได้สอนสุนัขเลย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 15 มี.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อกล่าวถึง พุทธะ แล้ว ควรที่จะได้เข้าใจว่า มีพุทธะ ๓ ประเภท คือ

๑. สัมมาสัมพุทธะ หมายถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้สภาพธรรมด้วยพระองค์เอง โดยไม่มีใครเป็นครูอาจารย์ พร้อมทั้งทรงแสดงพระธรรม ประกาศพระศาสนา ให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรม ตาม ด้วย พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเป็นเอกบุคคลทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด เจริญที่สุด ประเสริฐที่สุดในโลก โดยไม่มีใครเสมอเหมือน ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่ทรงอุบัติขึ้นพร้อมกัน ๒ พระองค์

๒. ปัจเจกพุทธะ หมายถึง พระปัจเจกพุทธเจ้า ผู้ตรัสรู้สภาพธรรมด้วยตนเอง แต่บารมีไม่ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงไม่ได้ประกาศพระศาสนา พระปัจจเกพุทธเจ้า อุบัติขึ้นพร้อมกันๆ หลายพระองค์ได้ และจะอุบัติขึันได้เฉพาะในกาลสมัยที่ว่างจากพระพุทธศาสนา หรือ ว่างจากการอุบัติขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เท่านั้น

๓. อนุพุทธะ หรือ สาวกพุทธะ หมายถึง ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แล้วได้ตรัสรู้ตามเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ เป็นต้น

ถ้าไม่เคยได้ฟังพระธรรมมาเลยตั้งแต่ในอดีต ย่อมไม่สามารถถึงความเป็นพุทธะได้เลย เพราะการถึงความเป็นพุทธะ เป็นได้ด้วยปัญญา

เพราะฉะนั้นแล้ว การมีโอกาสได้ยินได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลอย่างยิ่ง ป้องกันไม่ให้ตกไปในฝ่ายผิดเพราะได้เข้าใจอย่างถูกต้อง และความเข้าใจที่ตนเองมี ก็ยังสามารถจะเกื้อกูลผู้อื่นให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริงได้ด้วย ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
vilaiporn
วันที่ 15 พ.ค. 2563

กราบอนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ