ชาติคืออะไร

 
Kuat639
วันที่  9 เม.ย. 2563
หมายเลข  31720
อ่าน  1,057

ชาตินี้ ชาติก่อน ชาติหน้าคืออย่างไร นับเป็นช่วงเวลา หรือขณะเกิดดับแสนสั้น


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 9 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชาติ หมายถึง การเกิด การเกิดของอะไร การเกิดของสภาพธรรมที่เป็นจิต เจตสิก ในความเป็นจริง ชาตินี้ ชาติหน้าก็คือสภาพธรรมที่มีจริง ทีเป็น จิตและเจตสิกที่เกิดขึ้นและดับไปสืบต่อกันไป แต่เมื่อกล่าวโดยสมมติคือขณะที่จุติจิตเกิดขึ้น เคลื่อนจากความเป็นสัตว์ บุคลในชาตินี้ (ตาย) ปฏิสนธิจิตเกิดต่อ (เกิด) เกิดเป็นบุคคลใหม่มีรูปใหม่นั่นเองครับ จึงเป็นชาติหน้าของชาติก่อน

เวลาคิดถึงชาติหนึ่งๆ ก็คิดถึงระยะยาว คือ ตั้งแต่เกิดมาชีวิตก็ล่วงไป เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นยี่สิบ สามสิบปี ต่อๆ ไปจนตาย ก็นับว่าเป็นชาติหนึ่ง แต่ทำไมจึงไม่ถอยให้สั้นกว่าปี เดือน วัน จนถึงขณะเมื่อกี้นี้กับขณะเดี๋ยวนี้ซึ่งไม่ใช่ขณะเดียวกัน แสดงให้เห็นว่าแต่ละขณะนั้นล่วงไป ดับไป สิ้นไปเร็วที่สุด พระผู้มีภาค ฯ ทรงแสดงธรรมว่า ชีวิตดำรงอยู่ เพียงชั่วขณะที่จิตเกิดขึ้นแล้วก็ดับไปสืบต่อกันที่ละหนึ่งขณะ เมื่อจิตดวงหนึ่งดับไปแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าหมดเชื้อหมดปัจจัย ที่จะทำให้จิตต่อไปเกิดขึ้น เช่น ขณะเมื่อกี้นี้ หมดสิ้นไปแล้วใครจะเรียกร้องให้นามธรรม และ รูปธรรมที่ดับไปเมื่อกี้นี้ กลับคืนมา ไม่ได้เลย

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไปอย่างรวดเร็ว การเกิดขึ้นแล้วดับไปของรูปธรรม และนามธรรมแต่ละขณะนั้น เป็นเพราะ มีเหตุปัจจัยทำให้เกิดขึ้น ขณะเมื่อกี้นี้มีจึงทำให้ขณะนี้มี และเมื่อวานนี้มี วันนี้จึงมี ฉันใด วันนี้มี พรุ่งนี้ก็มี ฉันนั้น เพราะวันนี้เป็นปัจจัยของวันพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้ไม่มี พรุ่งนี้ก็ไม่มี ที่เราเกิดมานี้ ก็เพราะ ความไม่รู้ เราเลือกเกิดไม่ได้ว่า จะเกิดวันไหน

ถ้าเลือกวันเกิดได้ ก็เลือกวันตายได้ เพราะเมื่อตายจากชาติก่อน คือ เมื่อจุติจิตของชาติก่อนดับไปแล้ว ก็เป็นปัจจัย ให้จิตขณะต่อไป คือ ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นเป็นจิตขณะแรกของชาตินี้ ซึ่งเกิดสืบต่อจากจุติจิตของชาติก่อนทันที ไม่มีระหว่างคั่นเลย เหมือนกับจิตทุกขณะของวันนี้ ที่เกิดขึ้น แล้วก็ดับไปสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว

จิตทุกขณะในปัจจุบันชาตินี้ เกิดดับสืบต่อกัน ฉันใด เมื่อจุติจิตของชาตินี้ดับไปแล้ว ก็เป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิจิต เกิดต่อเป็นชาติหน้าทันที ฉันนั้น ไม่มีใครบังคับจิตนิยาม ซึ่งเป็นธรรมชาติของจิตได้ วิสัยของจิต ที่เกิดดับนั้นไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย ฉะนั้น เมื่อยังมีเหตุปัจจัยที่ทำให้จิตเกิด จิตก็ต้องเกิด ผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์นั้นต้องเกิดอีกแน่นอน ถึงแม้ว่าไม่รู้ก็ต้องเกิด เหมือนชาตินี้ ก็ไม่รู้แต่ก็ต้องเกิด

จิตเป็นนามธรรมที่เกิดดับอย่างรวดเร็ว จึงไม่สามารถเอามาเข้าห้องทดลองพิสูจน์อย่างวิทยาศาสตร์ได้ แต่สามารถประจักษ์แจ้งลักษณะที่แท้จริงของจิตได้ ด้วยการอบรมเจริญปัญญา ตามหนทางที่พระผู้มีพระภาคฯ ได้ทรงตรัสรู้และทรงแสดงไว้

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 9 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มาตุสูตร

ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สังสาระ (สังสารวัฏฏ์) นี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ... สัตว์ที่ไม่เคยเป็นมารดาโดยกาลนานนี้ มิใช่หาได้ง่ายเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร? เพราะว่าสังสาระ นี้ กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นย่อมไม่ปรากฏ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูนปฐพีที่เป็นป่าช้าตลอดกาลนาน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็เหตุเพียงเท่านี้ พอทีเดียว เพื่อจะเบื่อหน่ายในสังขารทั้งปวง พอเพื่อจะคลายกำหนัด พอเพื่อจะหลุดพ้น ดังนี้

(พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค มาตุสูตร)

ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้ หรือ ชาติหน้า ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริง คือ นามธรรมและรูปธรรม เลย ในชาตินี้ ก็มีการเกิดสืบต่อกันของสภาพธรรมอยู่จึงมีวันนี้ ณ ขณะนี้ และ มีขณะต่อๆ ไปอีก จนกว่าจะสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้ และเมื่อสิ้นสุดความเป็นบุคคลนี้แล้ว ก็เกิดอีกเป็นบุคคลใหม่ในชาติใหม่ ซึ่งก็คือ สภาพธรรม นั่นเอง มีแต่ธรรมเท่านั้น

จะเห็นได้ว่า ตราบใดที่ยังมีอวิชชา ความไม่รู้ อีกทั้งยังมีตัณหา ความติดข้อง ยินดีพอใจเป็นเครื่องผูกไว้ จึงยังมีการเกิดอยู่ร่ำไปหมุนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ จากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอย่างไม่มีวันจบสิ้น ที่สุดของสังสารวัฏฏ์ย่อมไม่ปรากฏ ซึ่งแต่ละบุคคลก็ได้เกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน

ดังนั้น เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย อีกทั้งไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท กล่าวได้ว่า เป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการสะสมเสบียงเครื่องเดินทางอย่างดีในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดไม่มีการเกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Artwii
วันที่ 15 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Somporn.H
วันที่ 20 เม.ย. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ