ก่อนจะมีอวิชชาเป็นอะไรมาก่อน
ก่อนจะมีอวิชชา เคยเป็นอะไรมาก่อนหรอครับ หรือไม่มีอะไรเลย แล้วเมื่อเกิดกิเลสของสัตว์ เลยทำให้เกิด อวิชชา แล้วก็ทำให้เกิด สัตว์ ขึ้นมา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ [เล่มที่ 17] - หน้าที่ 538
ข้อความบางตอนจาก
สัมมาทิฏฐิสูตร
ถามว่า อวิชชาคืออะไรเล่าคุณ เหตุเกิดอวิชชา ความดับไปแห่งอวิชชา ข้อปฏิบัติ ให้ถึงความดับไปแห่งอวิชชา คืออะไร
ตอบว่า คุณ ความไม่รู้ในทุกข์ ความไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์ ความไม่รู้ในความดับไปแห่งทุกข์ ความไม่รู้ในข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งทุกข์ นี้แลคุณ เรียกว่าอวิชชา เพราะอาสวะเกิด อวิชชาจึงเกิด เพราะอาสวะดับ อวิชชาจึงดับ อริยาษฎางคิกมรรคนี้เท่านั้น เป็นข้อปฏิบัติให้ถึงความดับไปแห่งอวิชชาคือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ
พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง ทรงแสดงเหตุให้เกิดอวิชชาหลายนัย ซึ่งกิเลสทั้งหลาย อาสวะกิเลสนั่นแหละเป็นเหตุให้เกิดอวิชชา รวมทั้งนิวรณ์ 5 ก็เป็นเหตุให้เกิดอวิชชา ครับ
[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕ - หน้าที่ 197
ข้อความบางตอนจาก
อวิชชาสูตร
[๖๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เงื่อนต้นแห่งอวิชชาย่อมไม่ปรากฏในกาลก่อน แต่นี้ อวิชชาไม่มี แต่ภายหลังจึงมี เพราะเหตุนั้น เราจึงกล่าวคำนี้อย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น อวิชชามีข้อนี้เป็นปัจจัยจึงปรากฏ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวอวิชชาว่ามีอาหาร มิได้กล่าวว่าไม่มีอาหารก็อะไรเป็นอาหารของอวิชชา ควรจะกล่าวว่านิวรณ์ ๕
ถ้ายังไม่รู้จักอวิชชา ตัวอวิชชาว่าคืออะไร อยู่ตรงไหน ก็ไม่มีทางรู้เหตุให้เกิดอวิชชาได้เลย อวิชชาคือความไม่รู้ ก็คือ ไม่รู้ในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา จึงยึดถือว่าเป็นเรา การดับอาสวะ ดับอวิชชา หนทางเดียว คือ ปัญญาที่เข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังเกิดว่าไม่ใช่เราเป็นธรรม เป็นหนทางละกิเลส ละอวิชชา และเหตุให้เกิดอวิชชาด้วย นี่คือประการสำคัญของการศึกษาพระธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอหรันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อวิชชา เป็นสภาพที่ไม่รู้สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แม้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะทรงแสดงพระธรรมโดยนัยประการต่างๆ ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ หากไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจว่า ธรรมคืออะไร ธรรมอยู่ในขณะไหน เป็นต้น ก็จะไม่เข้าใจความจริงว่ามีแต่ธรรมเท่านั้น เมื่อไม่เข้าใจความจริง ย่อมเป็นผู้ไม่ฉลาดในธรรมที่มีจริงในขณะนี้ กล่าวคือ ไม่รู้ว่าในขณะนี้เป็นธรรม จึงหลงยึดถือสิ่งที่กำลังปรากฏว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล หรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เมื่อถูกความไม่รู้ครอบงำ ย่อมทำให้ไม่เห็นความจริง ไม่เข้าใจความจริง แม้สภาพธรรมกำลังปรากฏในขณะนี้ก็ไม่รู้ และก็จะสะสมความไม่รู้อย่างนี้อีกต่อไป ตราบใดที่ยังไม่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
เป็นความจริงที่ว่าขณะใดที่อกุศลเกิดขึ้น มีความไม่รู้เกิดร่วมด้วยทุกขณะ เพราะอกุศลก็มีหลายอย่าง ไม่ใช่มีแต่เฉพาะโลภะ (ความติดข้อง ความยินดีพอใจ) โทสะ (ความโกรธ ความไม่พอใจ) เท่านั้นที่เกิดขึ้น ยังมีอกุศลอีกมาก ซึ่งขณะนั้นก็มีความไม่รู้ ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ ความไม่รู้จะมากมายสักแค่ไหน เพราะบางขณะที่โลภะไม่เกิด โทสะ ไม่เกิด แต่แม้ขณะนั้นก็ต้องมีความไม่รู้อยู่ด้วย นี้คือ ความเป็นจริงของธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่า อกุศลจิตทุกประเภท ทั้งที่มีโลภะเป็นมูล ทั้งที่มีโทสะเป็นมูล และทั้งที่มีโมหะหรืออวิชชา เป็นมูล ทุกขณะมีอวิชชาเกิดร่วมด้วย ไม่ปราศจากอวิชชา เลย จึงรู้ได้เลยว่า อวิชชา มีมากในชีวิตประจำวัน ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...