อย่างไรจึงจะถือว่าเป็นการนึกถึง, บูชาพระรัตนตรัย และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

 
TheSwanWikiwikiwi
วันที่  15 เม.ย. 2563
หมายเลข  31750
อ่าน  3,268

เคยได้ไปศึกษาที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ค่ะ

เขาสอนให้ นึกถึง อำนาจของพระรัตนตรัย และ เพื่อเป็น การอุทิศบุญ แม้ในขณะที่ไม่ได้ทำบุญ

เขาจะมีบทให้คิดในใจดังนี้ค่ะ

“ขออำนาจ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ดลบันดาลบุญข้าให้ถึงแก่ ... (อมนุษย์) ...”

เลิกคิดในใจ เลิกไปที่นั่นก็หลายปีแล้วแต่ยังมีความสงสัยอยู่ค่ะ อยากขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอธิบายในข้อสงสัยค่ะ

1. การคิดในใจแบบนี้ เป็นการถูกต้องหรือไม่อย่างไรคะ

2. อย่างไรจึงจะถือว่าเป็นการนึกถึง บูชาพระรัตนตรัย และมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งคะ

กราบขอบพระคุณอย่างสูงที่เมตตาผู้ปัญญาน้อยอย่างข้าพเจ้าค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 16 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การคิดในใจด้วยความต้องการให้สิ่งนั้นสิ่งนี้ปกป้องรักษา หรือ อุทิศส่วนกุศล ขณะนั้นไม่ได้เป็นบุญ เพราะมีความต้องการให้พระรัตนตรัยช่วย นี่คือความละเอียดของจิต เป็นจิตที่เป็นอกุศลจิต เป็นโลภะ ความติดข้อง อกุศลจะปกป้องรักษาไม่ได้เลยและที่สำคัญ อกุศลจิตนั้นไม่สามารถอุทิศส่วนกุศลได้

การคิดตามคำพระรัตนตรัยใครก็คิดได้ แต่คิดด้วยความเข้าใจถูกหรือไม่ ผู้ที่คิดถูก แม้ไม่เป็นบทสวด แต่เพราะเข้าใจพระธรรมคำสอน จึงเข้าใจถึงคุณพระรัตนตรัย แต่ไม่เข้าใจพระธรรมเลย หรือเข้าใจพระธรรมผิด หรือไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็เป็นการเชื่อ หรือ คิด ในสิ่งที่ไม่รู้ว่าคืออะไร ไม่ชื่อว่าระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย เพียงแค่กล่าว สวด นึกไปตามบทของคำนั้น

การจะมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ก็เพราะ มีปัญญา ความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ การถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ในที่นี้ ไม่ใช่พึ่งเพราะ ขาดความเข้าใจพระธรรม แต่เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรม ปัญญาเจริญ จึงมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง และเพราะอาศัยที่พึ่ง คือ พระรัตนตรัย ย่อมพ้นจากทุกข์ทั้งปวง เพราะ แม้พระพุทธเจ้า จะปรินิพพานแล้ว แต่เพราะอาศัย การระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ย่อมเป็นที่พึ่ง ให้พ้นภัยจากอกุศล สงบจากกิเลส และ เพราะอาศัยการศึกษาพระธรรมของพระองค์ ปัญญาที่เจริญขึ้นย่อมสามารถทำให้ดับกิเลส พ้นจากทุกข์และภัยทั้งปวง และ เพราะอาศัยการระลึกถึงคุณของพระสงฆที่มีคุณธรรม อันเกิดจากความเข้าใจพระธรรมของตน ขณะนั้นก็พ้นจากภัย คือ อกุศลประการต่างๆ ในขณะนั้น ครับ

พระรัตนตรัย จึงเป็นรัตนที่ประเสริฐ ที่ทำให้สัตว์โลก ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พ้นจากทุกข์ทั้งปวงได้ เงินทอง พ้นจากทุกข์ได้ชั่วคราว แต่ไม่สามารถพ้นจากทุกข์อันเกิดจากกิเลส และพ้นทุกข์ คือ การเกิดในสังสารวัฏฏ์ได้เลย ปัญญาได้จากการศึกษาพระรรม ปัญญานั้นเป็นที่พึ่งอันประเสริฐ และทำให้ถึงพระรัตนตรัยเป้นที่พึ่งได้อย่างถูกต้อง ครับ

การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้นั้นต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรม ค่อยๆ อบรมความเข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ โดยไม่ไปฟังคนอื่นที่มีความเห็นผิดคลาดเคลื่อนไปจากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง จึงแสดงให้เห็นว่าการมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ต้องเริ่มจากการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง นั่นเอง ครับ.

คำบรรยายเรื่อง มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง โดยท่านอาจารย์ สุจินต์

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานถึง ๔ อสงไขยแสนกัปที่สามารถจะรู้พระธรรม เพราะฉะนั้นพระธรรมที่ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษาอยู่ที่ไหน และเดี๋ยวนี้มีไหม และคนยุคนี้สามารถได้รับฟังและเข้าใจได้หรือเปล่า นี่เป็นความต่างกันของคนในยุคโน้นกับคนในยุคนี้ ถ้าเคยไปวัดฟังพระธรรม ก็จะรู้ว่า ในอดีตกาลสมัยพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีพระอรหันต์มากมายพระอรหันต์คือใคร ก็ไม่ใช่เพียงแต่ได้ยิน และได้ยินอะไรก็ไม่รู้ แต่ถ้าได้ยินแล้วต้องการเข้าใจ ก็ฟังพระธรรมจนกระทั่งสามารถค่อยๆ เข้าใจคำที่ได้ยินทีละเล็กทีละน้อย เช่น ถามว่าพระอรหันต์คือใคร พระอรหันต์คือผู้ดับกิเลสหมด ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นได้เลย เพราะฉะนั้นจึงเป็นผู้ควรเคารพอย่างสูง เพราะว่าการดับกิเลส เป็นสิ่งที่ไม่ง่ายเลย ถ้ามีความเข้าใจถูกต้องว่า เมื่อเกิดมาทุกคนก็มีกิเลส และอยู่ไปวันๆ ทุกวันก็เต็มไปด้วยกิเลส เพราะฉะนั้นถ้าใครสามารถดับกิเลสได้ ผู้นั้นควรแก่การเคารพอย่างยิ่ง สมัยนี้มีไหมคะพระอรหันต์ แล้วจะรู้ได้อย่างไรคะว่า ใครเป็นพระอรหันต์และใครไม่เป็นพระอรหันต์

นี่คือถ้าเราขาดความรู้ เราก็จะถูกหลอก เพราะเหตุว่าถ้าใครบอกว่าคนโน้นคนนี้เป็นพระอรหันต์ เราก็อาจจะเชื่อ แต่ตามความเป็นจริง ต้องเป็นความรู้ของเราเอง จึงสามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามความเป็นจริง

ด้วยเหตุนี้เราจึงมีคำว่า มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่เราใช้กันบ่อยๆ พุทธัง สรณัง คัจฉามิ มีใครเป็นที่พึ่งคะ มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ มีพระธรรมที่ทรงแสดงแล้ว ที่ทำให้ทุกคนสามารถหมดจดจากกิเลสได้เป็นที่พึ่ง เพราะถ้าไม่มีพระธรรม ใครก็หมดกิเลสไม่ได้ และก็มีพระสังฆรัตนะ คือ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ ถึงพระอริยสงฆ์เป็นที่พึ่ง ไม่ใช่ถึงผู้ที่ไม่ใช่อริยะแล้วก็เป็นที่พึ่งได้ แต่ต้องเป็นผู้สามารถเข้าใจธรรม จนสามารถช่วยคนอื่นให้เข้าใจ ในฐานะของสาวกด้วย ไม่ใช่ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทุกคนเคยพูดคำนี้ไหมคะ ๓ ประโยค พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ แต่ขอเป็นที่พึ่งอย่างไร เพราะเหตุว่าแม้คำว่า “ที่พึ่ง” ก็ไม่รู้ว่า จะพึ่งพระรัตนตรัย พึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างไร เพราะว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ไม่มีอีกเลยที่จะไปเฝ้า สักการะ หรือจะขอเป็นที่พึ่ง แต่ยังพึ่งได้อยู่ เพราะเหตุว่าเป็นพระบรมศาสดาที่ทรงแสดงพระธรรมให้คนอื่นสามารถรู้สามารถเข้าใจได้

เพราะฉะนั้น การที่จะพึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็คือ พระองค์เป็นผู้มีพระปัญญาสูงสุดในสากลจักรวาล ไม่มีผู้ใดเปรียบได้เลย และทรงแสดงพระธรรมให้คนอื่นเข้าใจได้ เพราะฉะนั้นจะพึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าวันนี้ จะพึ่งอย่างไร หรือจะไม่พึ่ง หรือแต่เพียงกล่าวว่า พึ่ง แต่ไม่รู้จะพึ่งอย่างไร

เพราะฉะนั้นวันนี้เพียงแค่คำเดียวว่า “ธรรม” จะพึงธรรม จะพึ่งอย่างไร กำลังจะพึ่งเมื่อได้ฟังและเข้าใจ จึงจะพึ่งได้ ถ้าไม่เข้าใจ ไม่มีทางจะพึ่งเลย.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 16 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอหรันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 20

“พระพุทธเจ้า เปรียบเหมือนแพทย์ผู้ฉลาด เพราะทรงสามารถกำจัดพยาธิคือกิเลสพร้อมทั้งอนุสัย (กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องอยู่ในจิต) ออกได้ พระธรรม เปรียบเหมือนเภสัช (ยา) ที่ทรงปรุงถูกต้องแล้ว พระสงฆ์ ผู้มีพยาธิ คือ กิเลสและอนุสัยอันระงับแล้ว เปรียบเหมือนหมู่ชนที่พยาธิระงับแล้ว เพราะได้ใช้เภสัช

พระพุทธเจ้า เปรียบเหมือนผู้ชี้ทาง พระธรรมเปรียบเหมือนทางดีหรือพื้นที่ที่ปลอดภัย พระสงฆ์เปรียบเหมือนผู้เดินทางถึงที่ที่ปลอดภัย

พระพุทธเจ้าเปรียบเหมือนนายเรือที่ดี พระธรรมเปรียบเหมือนเรือ พระสงฆ์เปรียบเหมือนชนผู้เดินทางถึงฝั่ง”


พระรัตนตรัย หมายถึง รัตนะที่ประเสริฐ ๓ ประการ คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมและ พระอริยสงฆ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นรัตนะ เพราะทำให้สัตว์โลกได้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นรัตนะ เพราะทำให้ผู้ที่ได้ฟัง มีความเข้าใจถูกเพิ่มขึ้น ได้เข้าใจความจริงจนกระทั่งประจักษ์แจ้งความจริงตามที่ได้ฟังจนถึงความเป็นพระสังฆรัตนะ คือ สาวกผู้ที่ได้ฟังพระธรรมและดับกิเลสได้ตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอุบัติขึ้นมาในโลกเพื่อประโยชน์แก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระองค์ทรงปฏิบัติเพื่อความเกื้อกูลแก่ชนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่ชนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์แก่ชาวโลก เพื่อประโยชน์ เพื่อความเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ด้วยการแสดงพระธรรม ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา แห่งการประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์หลังจากที่พระองค์ทรงตรัสรู้ มีผู้ที่ได้รู้แจ้งธรรมหมดจดจากกิเลส เป็นผู้ปราศจากกิเลส เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่มีบุคคลใดจะเป็นเหมือนอย่างพระองค์ได้

ถ้าหากไม่มีการตรัสรู้และไม่มีการแสดงพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่มีใครสามารถรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงที่กำลังปรากฏในชีวิตประจำวันได้ ไม่สามารถมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้ เพราะฉะนั้น การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่มีปัญญา และปัญญานี้ จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยการฟัง การศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ค่อยๆ อบรมความเข้าใจพระธรรม ค่อยๆ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ จึงเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสำหรับทุกคนว่า จะต้องเป็นผู้มีความจริงใจในการเจริญกุศลที่จะดับกิเลส โดยเริ่มจากความจริงใจที่มีต่อพระรัตนตรัย และจะต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ ที่จะพิจารณาว่า ตนเองมีความเคารพนับถือเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างไร ถูกต้องหรือไม่ เพื่อความไม่ประมาทและเพื่อความเจริญยิ่งขึ้นในกุศลธรรม

ที่สำคัญที่สุดแล้ว คือ น้อมบูชาพระรัตนตรัย มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง ด้วยการประพฤติตนเป็นคนดียิ่งขึ้น พร้อมกับอบรมเจริญปัญญา ไม่ละเลยโอกาสสำคัญที่จะทำให้ตนเองได้มีความเข้าใจถูกเห็นถูก ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจต่อไป ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Dusita
วันที่ 18 เม.ย. 2563

กราบ อนุโมทนา ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 21 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Somporn.H
วันที่ 21 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
vilaiporn
วันที่ 14 พ.ค. 2563

กราบขอบคุณอาจารย์ทั้งสอง และขอกราบอนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ