เทพเจ้าฮินดูที่คนไทยนิยมเคารพบูชามีจริงไหม

 
กล้า
วันที่  27 เม.ย. 2563
หมายเลข  31811
อ่าน  1,091

ชาวพุทธไทยในปัจจุบันนิยมเคารพบูชาเทพฮินดูเป็นจำนวนมาก ในทางพระไตรปิฎกมีการกล่าวถึงเทพฮินดูบ้างไหม อย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 พ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงที่เป็นสัจจธรรม เทพเจ้าในศาสนาอื่นๆ ก็เป็นเพียงการนึกคิดไป ของผู้ที่ไม่ได้มีปัญญาตรัสรู้ความจริง พระพุทธเจ้าทรงแสดงถึงพระพรหม แต่ทรงแสดงว่า พระพรหมเกิดจากเหตุอะไร คือ ผู้ที่ฌาน เป็นต้น แต่เมื่อยังไม่ได้อบรมปัญญาวิปัสสนาก็ยังมีกิเลส และ พระองค์ทรงแสดงว่า สิ่งต่างๆ ไม่ได้เกิดจากใครบันดาล ไมไ่ด้เกิดจากเทพเจ้าบันดาล ธรรมทั้งหลายเกิดตามเหตุปัจจัย และไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีเทพเจ้าที่เที่ยง มีแต่พระนิพพานเท่านั้นที่เที่ยง ไม่เกิดดับ ครับ

ขอยกข้อความในพระไตรปิฎกที่ท่านอาจารย์สุจินต์ กล่าวไว้ดีแล้วดังนี้ครับ

ข้อความในสัมโมหวิโณธนี วิภังคปกรณ์

" ทุกข์นั้น....ตัณหาไม่ได้สร้างแล้ว......ย่อมไม่มา ทุกข์...ย่อมมีเพราะเหตุภายนอก มีพระอิศวรบันดาล...ก็หาไม่ ที่แท้...ทุกข์...ย่อมมีเพราะตัณหานี้ "

ท่าน อ.สุจินต์...ข้อความสั้นๆ แต่ว่าเป็นชีวิตประจำวันของทุกคน ซึ่งมีทุกข์คงจะไม่มีใครเลยซึ่งเกิดมาแล้วไม่มีทุกข์ เพียงแต่ว่าจะทุกข์มาก จะทุกข์น้อย จะทุกข์กาย หรือ จะทุกข์ใจ แต่ว่ามีใครที่จะพิจารณาอริยสัจจธรรมที่ว่า

ทุกข์นั้น....ตัณหาไม่ได้สร้างแล้ว......ย่อมไม่มา

ถ้าไม่มีตัณหาแล้วละก้อ ทุกข์ย่อมเกิดไม่ได้ แม้แต่เพียงความเป็นเราด้วยตัณหา ความเป็นเราด้วยทิฏฐิ ความเป็นเรามานะ ก็ไม่พ้นจากโลภมูลจิตเลย ความเป็นเราด้วยทิฏฐิ คือ โลภมูลจิต ทิฏฐิคตสัมปยุตต์ เกิดร่วมกับสักกายทิฏฐิ ที่ยึดถือนามธรรมกับรูปธรรมว่าเป็น " ตัวตน "ในขณะนั้นก็ควรจะพิจารณาว่าเป็นทุกข์แค่ไหน ทุกข์ทั้งหมด ย่อมมาจากการยึดถือสภาพธรรมะทั้งหมดว่าเป็นตัวตน เป็นตัวเราซึ่งขณะนั้น ก็เกิดร่วมกับโลภะ ความยินดีพอใจ ในความเห็น ในการยึดถืออย่างนั้น

เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัญญาที่จะเห็นถูกในความจริงว่าไม่ใช่เรา เพียงละคลายการยึดถือ นามธรรม - รูปธรรม ว่าเป็นตัวตน และสามารถที่จะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมะในวันหนึ่งๆ ก็จะทำให้ความทุกข์เบาบางได้ แม้ในขั้นของการพิจารณาว่า สภาพธรรมะที่กำลังปรากฏนั้นๆ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา แต่ที่จะดับได้จริงๆ เป็นสมุจเฉทก็ต้องถึงโสตาปัตติมรรคจิต จึงจะดับการยึดสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน และความเห็นผิดต่างๆ ได้ แต่ถ้ายังไม่ถึง ในบางกาละ ก็จะต้องเป็นทุกข์เพราะการยึดถือสภาพธรรมะว่าเป็นตัวตน และถ้ายึดถือเหนียวแน่นมาก ทุกข์นั้นก็ต้องเพิ่มมากขึ้น

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 3 พ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ส่วนใหญ่สัตว์ทั้งหลายถูกอวิชชาความไม่รู้หุ้มห่อไว้ ไม่ได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงไม่รู้ไม่เห็นสิ่งที่ควรเว้นหรือสิ่งที่ควรกระทำ จึงถือเอาผิดจากความจริง เพราะขาดความเข้าใจถูกเห็นถูก ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่สัตว์เหล่าใดที่ได้ฟังพระพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ย่อมรู้ว่าอะไรควรกระทำ และอะไรเป็นสิ่งที่ควรเว้น มีปัญญารู้ตามความเป็นจริงว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของของตน จักทำกรรมใดไว้ดีก็ตาม ชั่วก็ตาม ก็จักเป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น เพราะกระทำเหตุที่ดีย่อมได้รับผลที่ดี เพราะกระทำเหตุไม่ดี จึงมีผลที่ไม่ดี เมื่อเข้าใจอย่างนี้ จึงไม่ไปหลงเชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นเหตุไม่เป็นผล พร้อมทั้งมีความมั่นคงจริงใจที่สะสมสิ่งที่ดีและฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญาต่อไป นี้แหละคือที่พึ่งที่แท้จริง ไม่ใช่สิ่งอื่น ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ