พระอรหันต์ละวาสนาไม่ได้ แล้วจะต่างอะไรกับปุถุชน

 
lokiya
วันที่  28 เม.ย. 2563
หมายเลข  31815
อ่าน  1,039

วาสนาแม้เป็นพระอรหันต์หรือพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ละไม่ได้

เช่น การเดินเหมือนลิง การเรียกคนอื่นว่าไอ้ถ่อย ฯลฯ

การด่าคนอื่นหยาบคายก็เป็นวาสนา

การชอบเสพเมถุนก็เป็นวาสนา

การนำขบวนประท้วงรัฐบาลก็เป็นวาสนา

แล้วจะต่างอะไรกับปุถุชน ซึ่งก็ได้สะสมวาสนามาเหมือนๆ กัน


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 30 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรที่จะเข้าใจให้ถูกต้องว่า วาสนา คือ อะไร?

ความประพฤติทั้งทางที่ดีและไม่ดีสะสมอบรมมาแต่ชาติก่อนๆ หมายถึงการสะสมอุปนิสสัยซึ่งเป็นความเคยชินที่ได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อนจนไม่สามารถที่จะละได้เช่น บางคนเป็นผู้ที่ทำอะไรเร็ว เดินเร็ว พูดเร็ว ทานอาหารเร็ว หรือบางท่านมีกิริยาอาการที่ไม่น่าเลื่อมใส ในพระไตรปิฎกมีตัวอย่างแสดงว่า

วัสสการพราหมณ์ซึ่งเป็นมหาอำมาตย์แห่งเมืองราชคฤห์ เห็นท่านพระมหากัจจายนเถระซึ่งเป็นพระอรหันต์เดินลงมาจากภูเขา ก็ได้กล่าวว่าท่านผู้นี้มีกิริยาอาการคล้ายลิง เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงทราบจึงให้ขอขมาโทษต่อท่านพระมหากัจจายนเถระไม่เช่นนั้นเมื่อวัสสการ พราหมณ์สิ้นชีวิตแล้วจะไปเกิดเป็นลิงในป่าไผ่ แต่ด้วยมานะกิเลสของวัสสการพราหมณ์ จึงไม่ยอมขอขมาโทษและยังให้บริวารไปปลูกไม้ผลต่างๆ เพื่อที่เมื่อตนตายไปเกิดเป็นลิงแล้วจะได้มีผลไม้กิน ในที่สุดวัสสการพราหมณ์ก็ได้สิ้นชีวิตแล้วไปเกิดเป็นลิงจริงๆ การสะสมอุปนิสัยของท่านพระมหากัจจายนเถระ ทำให้มีอาการบางอย่างที่ไม่น่าเลื่อมใสต่อผู้ที่พบเห็น ซึ่งอาการเหล่านี้เรียกว่า วาสนาแม้เป็นพระอรหันต์หรือพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ละไม่ได้ นอกจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สะสมอบรมปัญญาบารมีมาเพื่อเกื้อกูลสัตว์โลก จึงต้องสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง แม้พระรูปกายและกิริยาอาการก็ต้องเป็นที่น่าเลื่อมใส พระองค์จึงทรงละกิเลสได้พร้อมทั้งวาสนาซึ่งเป็นอาการกิริยาที่ไม่ดี

ดังนั้น การด่าคนอื่น การเสพเมถุน การนำประท้วงฯ นั่น เป็นเรื่องอกุศลที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ เป็นอกุศลธรรม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีแล้วในบุคคลผู้ดับกิเลสได้หมดสิ้นถึงความเป็นพระอรหันต์ จึงมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนระหว่างผู้ที่เป็นปุถุชนหนาแน่นไปด้วยกิเลส กับ ผู้ที่ดับกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว


[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๔๒๘

"ในอดีตกาล บุตรของเรานี้ บังเกิดในครอบครัวแห่งพราหมณ์ผู้มักกล่าวว่า ถ่อย ถึง ๕๐๐ ชาติ ดังนั้น บุตรของเรานี้จึงกล่าวเพราะความเคยชิน มิได้กล่าวด้วยเจตนาหยาบ จริงอยู่โวหาร (คำพูด) แห่งพระอริยะทั้งหลาย แม้จะหยาบอยู่บ้าง ก็ชื่อว่าบริสุทธิ์แท้ เพราะเจตนาไม่หยาบ ไม่เป็นบาป แม้มีประมาณเล็กน้อยในเพราะการกล่าวนี้"

พระปิลินทวัจฉะ ท่านเป็นพระอรหันต์ เป็นผู้ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง ท่านย่อมไม่มีเจตนาที่เป็นอกุศล ที่จะด่าว่าใคร แต่ที่มีคำพูดอย่างนั้น ก็เพราะความเคยชินเพราะสะสมการพูดอย่างนั้นๆ มานานแล้วในสังสารวัฏฏ์ ดังนั้น แม้ท่านพระปิลินทวัจฉะ จะมีความประพฤติเป็นไปอย่างนั้น มีคำพูดว่าคนถ่อยๆ ท่านก็ไม่มีอาบัติแต่อย่างใด เพราะไม่ได้กล่าวด้วยเจตนาหยาบเลย ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ