หากเราตายไปเกิดเป็นเทวดาจะพบญาติพี่น้องที่จากไปหรือไม่

 
กล้า
วันที่  2 พ.ค. 2563
หมายเลข  31826
อ่าน  1,473

เมื่อเราตายไปเกิดเป็นเทวดาจะพบกับญาติที่เสียไปก่อนหรือไม่หรือหากเกิดเป็นเทวดาจะเสพสุขอยู่คนเดียวไม่พบมิตรสหาย พี่น้อง หรือเทวดาองค์อื่นๆ เลย


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 พ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ตายแล้วจะไปไหน อย่างไร ก็เพราะกรรมซัดไป การได้เกิดเป็นเทวดาก็เป็นเพราะผลของกรรมดีที่ให้ผล ญาติทั้งหลาย เพื่อนทั้งหลายก็ไปตามกรรม บางคราวก็ได้พบกัน แต่ไม่ใช่คนเดิม แต่จำได้ว่าเคยเกิดเป็นญาติกันในชาติก่อนได้ อย่างเช่น พระอินทร์ ชาติก่อนเป็นมฆมาณพ ก็ทำบุญไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ภรรยาของมฆมาณพ ก็ทำบุญ ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เช่นกัน นี่ก็พบกันได้ ตามบุญกรรมที่ให้ผล แต่บางคน บางท่านก็ไมไ่ด้พบกัน นันทมาณพ ทำบุญเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นางเรวดีที่เป็นภรรยา ทำบาป ด่าว่าพระภิกษุเกิดในนรก ก็ตามแกรรมแต่ละคน

จึงไม่สำคัญเลยที่จะเกิดแล้วพบกันหรือไม่ได้พบกัน แต่ ถ้าไม่ได้อบรปัญญาศึกษาพระธรรม ก็เกิดตายร่ำไปไม่สิ้นสุด ไม่พ้นจากทุกข์ได้เลย และ การเข้าใจความจริงที่ถูกต้องคือ ไม่มีคนเกิด ไม่มีคนตาย มีแต่ จิต เจตสิก รูป หรือ ขันธ์ 5 เกิดขึ้นที่เป็นแต่เพียงธรรม และ ก็สมมติบัญญัติเรียกว่าเป็นคน เป็นสัตว์เท่านั้น นี่คือความจริงที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แต่สัตว์โลกผู้ตกในอวิชชา สำคัญผิดคิดว่ามีคน มีสัตว์จริงๆ ทำให้เดือดร้อน ลุ่มหลงและเกิดตายไม่มีที่สิ้นสุดครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 3 พ.ค. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓- หน้าที่ ๕๓

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสพระคาถานี้ว่า

“ชนทั้งหลาย บางพวก ย่อมเข้าถึงครรภ์ (เกิดเป็นมนุษย์) ,
ผู้มีกรรมลามก ย่อมเข้าถึงนรก, ผู้มีกรรมเป็นเหตุแห่งสุคติ
ย่อมไปสวรรค์, ผู้ไม่มีอาสวะ
(ดับกิเลสได้หมดสิ้น) ย่อมปรินิพพาน”
-------------------------------

ทุกคนที่ยังเป็นผู้มีกิเลส ก็ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ จากชาตินี้ไปสู่ชาติหน้า จากชาติหน้าก็ไปสู่ชาติต่อๆ ไปอีก ซึ่งก็ไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของนามธรรม คือ จิต เจตสิก และรูป ซึ่งเป็นอย่างนี้มานานแล้ว เนื่องจากว่าเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน ตราบใดที่ยังมีอวิชชา ความไม่รู้ อีกทั้งยังมีตัณหา ความติดข้อง ยินดีพอใจเป็นเครื่องผูกไว้ จึงยังมีการเกิดอยู่ร่ำไปหมุนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์ จากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิดอย่างไม่มีวันจบสิ้น

แทนที่จะคิดอย่างอื่น ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า เมื่อได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้ว มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจสภาพธรรมไปทีละเล็กทีละน้อย อีกทั้งไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท กล่าวได้ว่า เป็นชีวิตที่มีค่าเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเป็นการสะสมเสบียงเครื่องเดินทางอย่างดีในสังสารวัฏฏ์ จนกว่าจะดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดไม่มีการเกิดอีกเลยในสังสารวัฏฏ์ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
talaykwang
วันที่ 24 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาในกุศลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
apichet
วันที่ 15 มี.ค. 2567

สาธุครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ