อรณวิภังคสูตร
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 325
ข้อความบางตอน จาก
๙. อรณวิภังคสูตร
[๖๕๓] ขาพเจาไดสดับมาแลวอยางนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับอยูที่พระวิหารเชตวัน อาราม ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแลพระผูมีพระภาคเจา ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุเหลานั้น ทูลรับพระดํารัส แลว พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสดังนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง อรณวิภังคแกเธอทั้งหลาย พวกเธอจงพึงอรณวิภังคนั้น จงใสใจใหดี เราจัก กลาวตอไป. ภิกษุเหลานั้นทูลรับพระผูมีพระภาคเจาวา ชอบแลว พระพุทธ เจาขา
[๖๖๐] ก็ขอที่เรากลาวดังนี้วา ไมพึงกลาววาทะลับหลัง ไมพึงกลาว คําลวงเกินตอหนา นั่น เราอาศัยอะไรกลาวแลว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ใน ประการแรกนั้น พึงรูวาทะลับหลังใด ไมเปนจริง ไมแท ไมประกอบดวยประโยชน ไมพึงกลาววาทะลับหลังนั้นเปนอันขาด แมรูวาทะลับหลังใดจริง แท แตไมประกอบดวยประโยชน ก็พึงสําเหนียกเพื่อจะไมกลาววาทะลับหลัง นั้น และรูวาทะลับหลังใด จริง แท ประกอบดวยประโยชน ในเรื่องนั้น พึงเปนผูรูจักกาล เพื่อจะกลาววาทะลับหลังนั้น .
ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ใน ประการหลังนั้น พึงรูคําลวงเกินตอหนาใด ไมเปนจริง ไมแท ไมประกอบ ดวยประโยชน ไมพึงกลาวคําลวงเกินตอหนานั้นเปนอันขาด แมรูคําลวงเกิน ตอหนาใด จริง แท แตไมประกอบดวยประโยชน ก็พึงสําเหนียกเพื่อจะไม กลาวคําลวงเกินตอหนานั้น และรูคําลวงเกินตอหนาใด จริง แท ประกอบ ดวยประโยชน ในเรื่องนั้น พึงเปนผูรูจักกาลเพื่อจะกลาวคําลวงเกินตอหนา นั้น ขอที่กลาวดังนี้วา ไมพึงกลาววาทะลับหลัง ไมพึงกลาวคําลวงเกินตอ หนา นั่น เราอาศัยเนื้อความนี้ กลาวแลว.
[๖๖๑] ก็ขอที่เรากลาวดังนี้วา พึงเปนผูไมรีบดวนพูด อยาพูดรีบดวนนั้น เราอาศัยอะไรกลาวแลว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ในประการแรกนั้น เมื่อรีบดวนพูด กายก็ลําบาก จิตก็แกวง เสียงก็พรา คอก็เครือ แมคําพูด ของผูที่รีบดวนพูดก็ไมสละสลวย ไมพึงรูชัดได. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ในประการหลังนั้น เมื่อไมรีบดวนพูด กายไมลําบาก จิตก็ไมแกวง เสียงก็ไมพรา คอก็ไมเครือ แมคําพูดของผูที่ไมรีบดวนพูด ก็สละสลวย พึงรูชัดได. ขอที่เรากลาวดังนี้วา พึงเปนผูไมรีบดวนพูด อยาพูดรีบดวน นั่น เราอาศัย เนื้อความนี้ กลาวแลว.
[๖๖๒] ก็ขอที่เรากลาวดังนี้วา ไมพึงปรักปรําภาษาชนบท ไมพึงลวงเลยคําพูดสามัญเสีย นั่น เราอาศัยอะไรกลาวแลว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็อยางไรเลา เปนการปรักปรําภาษาชนบท และเปนการลวงเลยคําพูดสามัญ
ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภาชนะนั้น แลในโลกนี้ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปาตี ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปตตะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปฏฐะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา สราวะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หโรสะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา โปณะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หนะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปปละ. ภิกษุพูดปรักปรําโดยประการที่ชนทั้ง หลายหมายรูเรื่องภาชนะนั้นกันดังนี้ ในชนบทนั้นๆ ตามกําลังและความแนใจ วา นี้เทานั้นจริง อื่นเปลา อยางนี้แล ชื่อวาเปนการปรักปรําภาษาชนบท และเปนการลวงเลยคําพูดสามัญ.
ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็อยางไรเลา เปนการ ไมปรักปรําภาษาชนบท และเปนการไมลวงเลยคําพูดสามัญ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภาชนะนั่นแลในโลกนี้ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปาตี ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปตตะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปฏฐะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา สราวะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หโรสะในบางชนบท เขาหมายรูวา โปณะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หนะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปปละ. ภิกษุพูดโดยประการที่ชนทั้งหลาย หมาย รูเรื่องภาชนะกันดังนี้ ในชนบทนั้นๆ อยางไมใชความแนใจวา เปนอันทํา ผูมีอายุทั้งหลาย พูดแกขาพเจาหมายถึงภาชนะนี้
ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อยางนี้แล ชื่อวาเปนการไมปรักปรําภาษาชนบท และเปนการไมลวงเลยคําพูดสามัญ ขอที่เรากลาวดังนี้วา ไมพึงปรักปรําภาษาชนบท ไมพึงลวงเลยคําพูดสามัญ นั่น เราอาศัยเนื้อความนี้ กลาวแลว.