อรณวิภังคสูตร

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  17 พ.ค. 2563
หมายเลข  31865
อ่าน  920

[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปณณาสก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 325

ข้อความบางตอน จาก

๙. อรณวิภังคสูตร

[๖๕๓] ขาพเจาไดสดับมาแลวอยางนี้:-

สมัยหนึ่ง พระผูมีพระภาคเจาประทับอยูที่พระวิหารเชตวัน อาราม ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี สมัยนั้นแลพระผูมีพระภาคเจา ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย. ภิกษุเหลานั้น ทูลรับพระดํารัส แลว พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสดังนี้วา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดง อรณวิภังคแกเธอทั้งหลาย พวกเธอจงพึงอรณวิภังคนั้น จงใสใจใหดี เราจัก กลาวตอไป. ภิกษุเหลานั้นทูลรับพระผูมีพระภาคเจาวา ชอบแลว พระพุทธ เจาขา

[๖๖๐] ก็ขอที่เรากลาวดังนี้วา ไมพึงกลาววาทะลับหลัง ไมพึงกลาว คําลวงเกินตอหนา นั่น เราอาศัยอะไรกลาวแลว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ใน ประการแรกนั้น พึงรูวาทะลับหลังใด ไมเปนจริง ไมแท ไมประกอบดวยประโยชน ไมพึงกลาววาทะลับหลังนั้นเปนอันขาด แมรูวาทะลับหลังใดจริง แท แตไมประกอบดวยประโยชน ก็พึงสําเหนียกเพื่อจะไมกลาววาทะลับหลัง นั้น และรูวาทะลับหลังใด จริง แท ประกอบดวยประโยชน ในเรื่องนั้น พึงเปนผูรูจักกาล เพื่อจะกลาววาทะลับหลังนั้น .

ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ใน ประการหลังนั้น พึงรูคําลวงเกินตอหนาใด ไมเปนจริง ไมแท ไมประกอบ ดวยประโยชน ไมพึงกลาวคําลวงเกินตอหนานั้นเปนอันขาด แมรูคําลวงเกิน ตอหนาใด จริง แท แตไมประกอบดวยประโยชน ก็พึงสําเหนียกเพื่อจะไม กลาวคําลวงเกินตอหนานั้น และรูคําลวงเกินตอหนาใด จริง แท ประกอบ ดวยประโยชน ในเรื่องนั้น พึงเปนผูรูจักกาลเพื่อจะกลาวคําลวงเกินตอหนา นั้น ขอที่กลาวดังนี้วา ไมพึงกลาววาทะลับหลัง ไมพึงกลาวคําลวงเกินตอ หนา นั่น เราอาศัยเนื้อความนี้ กลาวแลว.

[๖๖๑] ก็ขอที่เรากลาวดังนี้วา พึงเปนผูไมรีบดวนพูด อยาพูดรีบดวนนั้น เราอาศัยอะไรกลาวแลว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ในประการแรกนั้น เมื่อรีบดวนพูด กายก็ลําบาก จิตก็แกวง เสียงก็พรา คอก็เครือ แมคําพูด ของผูที่รีบดวนพูดก็ไมสละสลวย ไมพึงรูชัดได. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ในประการหลังนั้น เมื่อไมรีบดวนพูด กายไมลําบาก จิตก็ไมแกวง เสียงก็ไมพรา คอก็ไมเครือ แมคําพูดของผูที่ไมรีบดวนพูด ก็สละสลวย พึงรูชัดได. ขอที่เรากลาวดังนี้วา พึงเปนผูไมรีบดวนพูด อยาพูดรีบดวน นั่น เราอาศัย เนื้อความนี้ กลาวแลว.

[๖๖๒] ก็ขอที่เรากลาวดังนี้วา ไมพึงปรักปรําภาษาชนบท ไมพึงลวงเลยคําพูดสามัญเสีย นั่น เราอาศัยอะไรกลาวแลว. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็อยางไรเลา เปนการปรักปรําภาษาชนบท และเปนการลวงเลยคําพูดสามัญ

ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภาชนะนั้น แลในโลกนี้ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปาตี ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปตตะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปฏฐะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา สราวะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หโรสะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา โปณะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หนะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปปละ. ภิกษุพูดปรักปรําโดยประการที่ชนทั้ง หลายหมายรูเรื่องภาชนะนั้นกันดังนี้ ในชนบทนั้นๆ ตามกําลังและความแนใจ วา นี้เทานั้นจริง อื่นเปลา อยางนี้แล ชื่อวาเปนการปรักปรําภาษาชนบท และเปนการลวงเลยคําพูดสามัญ.

ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ก็อยางไรเลา เปนการ ไมปรักปรําภาษาชนบท และเปนการไมลวงเลยคําพูดสามัญ. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภาชนะนั่นแลในโลกนี้ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปาตี ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปตตะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปฏฐะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา สราวะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หโรสะในบางชนบท เขาหมายรูวา โปณะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา หนะ ในบางชนบท เขาหมายรูวา ปปละ. ภิกษุพูดโดยประการที่ชนทั้งหลาย หมาย รูเรื่องภาชนะกันดังนี้ ในชนบทนั้นๆ อยางไมใชความแนใจวา เปนอันทํา ผูมีอายุทั้งหลาย พูดแกขาพเจาหมายถึงภาชนะนี้

ดูกอนภิกษุทั้งหลาย อยางนี้แล ชื่อวาเปนการไมปรักปรําภาษาชนบท และเปนการไมลวงเลยคําพูดสามัญ ขอที่เรากลาวดังนี้วา ไมพึงปรักปรําภาษาชนบท ไมพึงลวงเลยคําพูดสามัญ นั่น เราอาศัยเนื้อความนี้ กลาวแลว.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nicky01
วันที่ 18 พ.ค. 2563

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 15 เม.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ