อุโบสถศีลในวันพระ
ขอรบกวนสอบถามครับ การรักษาอุโบสถศีลในวันพระ
1.เริ่มสมาทานอุโบสถศีลเช้าวันพระราวๆ ประมาณ 7 โมงเช้า กินข้าว แล้วเข้านอนเวลาประมาณ8โมงเช้า (เพราะทำงานกลางคืนครับ) และตื่นเวลาราวๆ บ่าย 2-3 โมง แล้วปฎิบัติธรรมจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น (มีนอนหลับพักผ่อนบางช่วงครับ) ข้อนี้จะได้หรือไม่ อย่างไรครับครับ
2.หลังเที่ยงวันไปแล้ว น้ำปัสสวะสามารถดื่มได้ไหมครับในวันรักษาอุโบสถศีล หรือศีล 8
3.น้ำเปล่าต้มสุกที่ใช้กระติกน้ำร้อนไฟฟ้าต้ม ดื่มได้ไหมครับ เพราะไม่สะดวกในน้ำปานะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
๑. ก่อนที่จะทำอะไร ควรจะเข้าใจ ไม่ใช่ทำตามๆ กันไปหรือทำเพราะอยาก
ถ้ารักษาอุโบสถศีล เพียงเพื่ออยากรักษาหรือนับศีลเป็นข้อๆ นั่นไม่ใช่จุดประสงค์ของการรักษาอุโบสถศีล หรือ ถ้ามีการทำสิ่งที่ผิด เช่น ปฏิบัติผิด ย่อมมีแต่โทษ ไม่ได้เป็นไปเพื่อขัดเกลาเลย มีแต่เพิ่มอกุศลให้มากขึ้น
การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงบ่อยๆ เนืองๆ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ย่อมเป็นไปเพื่อความเจริญของปัญญา ซึ่งเป็นความเห็นถูก เข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เมื่อปัญญาเจริญขึ้นกุศลธรรมประการต่างๆ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นตามด้วย โดยปกติของผู้ที่อบรมเจริญปัญญา ก็จะเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ทั้งในเรื่องของทาน ศีล และการอบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป แต่ทั้งหมดก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น บุคคลผู้ที่มีปกติรักษาอุโบสถศีล มีอัธยาศัยในการรักษาอุโบสถศีล จึงเป็นผู้ที่ควรแก่การอนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ควรทำในวันดังกล่าวก็สำคัญอยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก พร้อมกับความตั้งใจที่จะสมาทานงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ จากการลักทรัพย์ จากการประพฤติในสิ่งที่ไม่ประเสริฐ จากการบริโภคอารหารในเวลาวิกาล จากการฟ้อนรำประโคมดนตรี และ การประดับตกแต่งร่างกาย และ จากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่ ไม่กระทำกิจใดๆ ที่จะเป็นไปในการไม่ขัดเกลากิเลส ซึ่งจะต้องทราบจริงๆ ว่า การรักษาอุโบสถศีล นั้น เพราะเห็นโทษของอกุศล เห็นโทษของกิเลส
๒. จะไปดื่มน้ำปัสสาวะ ทำไม น้ำเปล่า ก็ดีแล้ว ดื่มได้โดยตลอด
๓. น้ำเปล่าที่ต้มสุก ก็ดื่มได้เป็นปกติ ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...