การปฏิบัติงานกับการระลึกถึงสภาพธรรมที่ปรากฎ
กราบท่านอาจารย์สุจินต์และท่านอาจารย์วิทยากรทุกท่าน
ผมมีประเด็นที่อยากขอคำแนะนำ เกี่ยวกับขณะที่ไม่ได้ฟังธรรม เนื่องจากในเวลาปฏิบัติงาน จิตต้องคิด ใตร่ตรองในลักษณะของงานที่กำลังทำอยู่ เช่น การวางแผนงานในอนาคต การวิเคราะห์ การแก้ไขปัญหาระบบการทำงานหรือจัดการกับบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางครั้ง สติก็เกิดระลึกขึ้นได้ว่า นั่นเป็นสภาพของจิตที่กำลังคิด นั่นเป็นสิ่งที่ปรากฎทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ก็ต้องสลับไปมาระหว่างงานทางโลก กับการใคร่ครวญว่าเป็นสภาพธรรมะ
สิ่งที่เกิดในลักษณะนี้ กลับกลายเป็นว่า มีสภาพของความฟุ้งซ่าน เบื่อหน่ายการทำงานทางโลก ปรากฏอยู่เนืองๆ แม้จะเข้าใจว่า ธรรมะเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยก็ตาม เมื่อสภาพดังกล่าวเกิดปรากฏบ่อยครั้ง ความทุกข์ก็ปรากฏในจิตใจ เกิดความสับสน ว้าวุ่น ไม่อยากทำงานทางโลก พยายามใช้สมถะ กลับมาดูลมหายใจ ดูรูปที่ปรากฏและอยู่กับปัจจุบัน เพื่อช่วยขจัดความฟุ้งซ่านออกไป แต่ก็อารมณ์ของความเบื่อก็กลับมาอีกเมื่อมีปัจจัยให้เกิดขึ้นอีก
โปรดชี้แนะแก่ผมด้วยครับว่า ควรปฏิบัติอย่างไร.......
กราบขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสััมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ นั่นเอง ที่จะเป็นที่ตั้งให้สติเกิดขึ้นระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และปัญญารู้ตามความเป็นจริง เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ ไม่ใช่เรื่องหวัง ไม่ใช่เรื่องต้องการ ไม่ใช่เรื่องของความจดจ้อง ไม่ใช่เรื่องของการไปกระทำอะไร ด้วยความเป็นตัวตน ด้วยความเห็นผิด และด้วยความไม่รู้ แต่เป็นเรื่องของการอบรมเจริญปัญญาไปตามลำดับ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็คือ สภาพธรรมทั้งหมด
ขณะที่จดจ้องต้องการ หรืออยากให้เกิดการระลึกรู้สภาพธรรม นั่น ผิดแล้ว เป็นอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้องเลย แสดงให้เห็นว่า ความไม่รู้ เป็นเหตุให้มีการกระทำอะไรที่ผิดๆ มากมาย ทำให้หลงทาง ออกห่างจากการที่จะได้เข้าใจความเป็นจริงของสภาพธรรม
เรื่องของการระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นเรื่องของปัญญา ที่เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง สติเกิดขึ้นระลึกและปัญญารู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ว่าเป็นเรื่องที่จะต้องอาศัยการฟัง ในสิ่งที่มีจริงเนืองๆ บ่อยๆ โดยไม่หวัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถเข้าใจความจริงได้ ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา จึงไม่มีหนทางอื่น นอกจากฟังพระธรรมให้เข้าใจ ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
การเจริญสติ ระลึกรู้ถึงสภาพธรรม ในขณะที่กำลังทำงาน หรือใช้ชีวิตประจำวัน เป็นไปเพื่อ การละความเป็นเรา เพื่อละการติดข้องในรูป นาม ว่า ไม่มีเรา ทุกอย่างเป็นธรรมะ เมื่อฟังธรรมะจนเข้าใจจริงๆ จะไม่มีความรู้สึกเบื่อหนาย ต่อกิจการงานทางโลก หรือต่อผู้คนที่ติดต่อด้วย เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะ และธรรมะก็เป็นอนัตตา ... เป็นความเข้าใจขั้นการฟังที่เป็นไปตามคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือเปล่าคะ ขอคำแนะนำและคำอธิบายเพิ่มเติมด้วย
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ