ตื่นเถิดชาวพุทธ..ผ่อนส่งบุญ ให้เงินพระมีโทษ
พระได้เงินมาจากไหน และเดี๋ยวนี้จะทำบุญก็ผ่อนส่ง แล้วอย่างนี้ชาวบ้านควรรู้ไหมว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นจะมีพระที่ไม่ประพฤติตามพระวินัย ทำลายพระวินัยอย่างนั้นหรือ มีเพื่อทำลาย ไม่ใช่มีเพื่อที่จะดำรงพระพุทธศาสนาไว้ เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องเป็นผู้ที่ตรงและก็ช่วยกันแก้ไข มีอะไรที่คฤหัสถ์จะช่วยกันดำรงพระพุทธศาสนาไว้ได้ก็ช่วยทำ เช่น ไม่ถวายเงินพระภิกษุ ที่ทำให้ท่านต้องอาบัติ และ ไม่สนับสนุกการไม่ทำกิจของสงฆ์ และการทำบุญที่แสนประหลาด ผ่อนส่งบุญ ผ่อนส่งเงิน ไม่เคยมีในครั้งพุทธกาล ที่จะตั้งธนาคาร สหรณ์อะไรก็แล้วแต่ เพราะฉะนั้นชาวบ้านควรที่จะรู้ว่ามีพระภิกษุมีกิจ คือ ศึกษาพระธรรมวินัย ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย อย่างน้อยก็ช่วยกันแต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่ง ทำสิ่งที่ถูกต้องเพราะปัญญานำไปในกิจทั้งปวง ที่เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
คำว่า บุญ หมายถึง สภาพธรรม ชำระ ขัดเกลาสันดาน หรือ เป็นสภาพธรรมที่ชำระจิตให้สะอาด (เพราะโดยปกติแล้วจิตสกปรก ด้วยอำนาจของอกุศลธรรม) จากที่เป็นอกุศล ก็ค่อยๆ เป็นกุศลขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ไม่พ้นไปจาก ขณะที่จิตเป็นกุศล เป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิต และเป็นไปในการอบรมเจริญปัญญา หากพิจารณาอรรถ คำว่า บุญ ที่ว่า สภาพธรรมที่ชำระขัดเกลาสันดาน หรือ ขัดเกลาจิตใจให้สะอาดจากกิเลส แล้วธรรมอะไร ที่ทำให้จิตปราศจาก กิเลส ชำระสันดาน ชำระจิตได้ หากไม่ใช่สภาพธรรม ที่เป็นฝ่ายดี คือต้องเป็นสภาพธรรมที่ปราศจากกิเลส ไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ
การถวายเงินพระ ให้สิ่งที่ไม่เหมาะสมกับพระภิกษุ เป็นของมีโทษกับพระภิกษุ ให้ด้วยความไม่รู้ ไม่ใช่บุญ ดังนั้น มิได้หมายความว่าการให้ทุกครั้ง จะต้องเป็นบุญ เจตนาดี ให้ มี แต่ ให้ด้วยโมหะความไม่รู้ จะเป็นบุญไม่ได้ กับเป็นโทษกับพระภิกษุเอง พระท่านต้องอาบัติที่รับ เงินนั้น แม้จะอ้างว่าจะไปทำประโยชน์อย่างไรก็ตาม ก็มีโทษแล้ว แม้ขณะที่รับ เพราะฉะนั้นสิ่งของที่เหมาะสมที่ควรให้กับพระภิกษุ และเป้็นบุญกุศลลอย่างแท้จริง คือ ปัจจัย 4 ซึ่ง ปัจจัย คือ เครื่องอาศัยยังชีพ, เครื่องอาศัยเลี้ยงชีวิต ของ บรรพชิต ใน พระพุทธศาสนา ๔ อย่าง คือ จีวร (ผ้านุ่งห่ม) บิณฑบาต (อาหาร) เสนาสนะ (ที่อยู่) คิลานเภสัช (ยา) รวมเรียกว่า จตุปัจจัย คือ ปัจจัย ๔ เงินและทอง ไม่ใช่ปัจจัย 4
มณิจูฬกสูตร
ว่าด้วยทองและเงินไม่สมควรแก่สมณศากยบุตร
[๖๒๖] พระผู้มีพระภาค จ้าตรัสว่า ดีละ นายคามณี เมื่อท่านพยากรณ์อย่างนี้ เป็นอันกล่าวตามคำที่เรากล่าวแล้ว ไม่กล่าวตู่เราด้วยคำไม่จริง และพยากรณ์ธรรมสมควรแก่ธรรม และสหธรรมิกไรๆ คล้อยตามวาทะ จะไม่ถึงฐานะอันวิญญูชนพึงติเตียนได้ เพราะว่าทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตรห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ดูกร นายคามณีทองและเงินควรแก่ผู้ใด เบญจกามคุณก็ควรแก่ผู้นั้น เบญจกามคุณควรแก่ผู้ใด ทองและเงินก็ควรแก่ผู้นั้น ดูกร นายคามณีท่านพึงทรงจำความที่ควรแก่เบญจกามคุณนั้นโดยส่วนเดียวว่า ไม่ใช่ธรรมของสมณะ ไม่ใช่ธรรมของศากยบุตร อนึ่งเล่า เรากล่าวอย่างนี้ว่า ผู้ต้องการหญ้าพึงแสวงหาหญ้า ผู้ต้องการไม้พึงแสวงหาไม้ ผู้ต้องการเกวียนพึงแสวงหาเกวียนผู้ต้องการบุรุษพึงแสวงหาบุรุษ เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดีพึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย.
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่