ดิฉันและสามีควรหาทางออกอย่างไรดีคะ
ดิฉันและสามีใช้ชีวิตครอบครัวมาด้วยกัน ร่วมสามปี ต่างเอื้ออาทรซึ่งกันและกัน สามีเป็นคนดีมาก จิตใจดี มีน้ำใจ เป็นผู้ชายที่อดทน เสียสละ รักครอบครัว ที่สำคัญรักดิฉันมาก พร้อมทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความสุขของดิฉัน และที่สำคัญ "เป็นคนดี" แต่ปัญหาของชีวิตคู่เราคือ "แม่" ของดิฉันเอง ท่านอาศัยอยู่บ้านหลังเดียวกับเราเป็นครอบครัวเล็กๆ มีดิฉัน สามี แม่ดิฉันและน้องชาย แม่มีแต่สิ่งที่เรียกว่า "อคติ" ต่อสามีอย่างมาก ไม่ว่าจะพูดอะไรทำอะไร ก็เลวร้ายไปซะทุกอย่าง ในสายตาของแม่ ซ้ำร้ายแม่มักจะแสดงความกักขระ ต่อหน้าสามีเสมอ
ซึ่งดิฉันบอกตามตรงว่า เป็นความอับอายและอดสูเป็นอย่างมาก ที่คนดีๆ อย่างเค้าจะต้องมาพบเจอ เป็นคนอื่นคงทิ้งดิฉันไปแล้ว เพราะทนไม่ได้ กับความกักขระ คำผรุสวาทของแม่ อีกทั้งแม่ ไม่เคยมองเห็นความบกพร่องของตนเองเลย ทุกวันนี้ แม่ของดิฉัน ต้องการให้ดิฉันกับสามีแตกแยกกัน ด้วยการยื่นคำขาด ให้ดิฉันเลือกระหว่างแม่และสามี ส่วนสามีเองก็อยู่แบบเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ อยู่บ้าน ก็มีแค่พื้นที่ในห้องนอน ที่พอจะให้รู้สึกถึงความปลอดภัย (จากคำพูดด่าว่าร้าย) แต่ดิฉันก็ไม่รู้ว่า สามีจะทนได้อีกซักเท่าไหร่ เพราะคนเรา ก็คงมีขีดของความอดทน
แต่ทุกวันนี้ บอกเลยว่า เค้ายังอดทนอยู่ เพราะความรักและความสงสารดิฉัน คุณคงสงสัยใช่มั๊ยคะว่า ทำไมเราถึงไม่ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ใช่ค่ะ สามีดิฉันต้องการย้ายไปอยู่ที่อื่น และยกบ้านหลังที่อยู่ให้กับแม่อยู่กับน้องชายไป เพื่อความสงบสุขและสุขภาพจิตที่ดีของเรา (ลืมบอกไปว่าที่ผ่านมา ดิฉันเลี้ยงดูท่านอย่างดี (มากที่สุด) เสียอย่างเดียวว่า ไม่มีโล่ห์ลูกกตัญญูมาการันตี) ปัญหา คือ ณ เศรษฐกิจเช่นนี้ การแยกบ้านไปอยู่อีกหลัง ภาระก็ต้องเพิ่มมากขึ้น นี่คือสิ่งที่กังวล อีกอย่าง ถึงแม่จะเป็นคนอย่างไร แต่ก็อดห่วงท่านไม่ได้ ไกลหูไกลตา ท่านจะเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ดิฉันก็ทุกข์ใจมากค่ะ สงสารสามีมาก โดนเล่นงานตลอดเลย อารมณ์แม่รุนแรงมาก ด่าทอหยาบคาย แม้แต่น้องชายเองก็เริ่มจะทนแม่ไม่ได้เช่นกัน คุณคิดว่าดิฉันและสามีควรหาทางออกอย่างไรดีคะ
ปัญหาของ คุณอุสาวดี น่าจะมีทางออกที่ดีด้วยวิธีหลายแบบ ที่ดีที่สุดก็คือ ขันติและเมตตา ถ้าหากแก้ที่ตัวคุณแม่ของคุณได้ก็น่าจะดี โดยการพูดหรือขอร้อง หรืออาจจะขอให้ผู้ใหญ่ที่คุณแม่เกรงใจ มาช่วยพูดอีกแรงหนึ่งก็น่าจะดี จริงๆ แล้วเป็นธรรมดาของผู้สูงอายุ เมื่อถึงช่วงหนึ่ง ที่คนรอบข้างไม่เข้าใจ ท่านอาจจะเป็นคนขี้น้อยใจโกรธบ่อยๆ ถ้าเราหาจุดหรือสาเหตุจริงๆ ของปัญหาที่เกิดขึ้น อาจแก้ได้โดยง่ายต้องลองจับเข่าคุยกับคุณแม่ดูว่า ที่ผ่านมามีอะไรที่ไม่สมควร ก็ขอให้ท่านอดโทษให้ถ้าหากวิธีดังกล่าวไม่ได้ผลจริงๆ ควรทดลองแยกกันอยู่ชั่วคราว แต่อย่าอยู่ให้ไกลนักควรกลับมาดูแลท่านเหมือนเดิม
คุณมีบุญมาก ที่ได้สามีดีจริงๆ ส่วนเรื่องปัญหาครอบครัวมีกันเกือบทุกบ้าน สะใภ้ไม่ถูกกับแม่สามี หรือพี่น้องไม่ถูกกับพี่สะใภ้ เป็นเรื่องปกติของคนที่ยังมีกิเลส ถึงแม่จะไม่ดีอย่างไร ท่านก็อยู่กับเราอีกไม่นานหรอก ท่านก็จะต้องตาย รวมทั้งตัวเราเองด้วย ให้คิดถึงกรรมของเราเอง ที่จะต้องเห็นการกระทำ และคำพูดที่ไม่ดี ถือว่าเราใช้กรรมไป แต่แม่ซิ กำลังทำเหตุไม่ดี จะได้รับอกุศลวิบากในอนาคต แม่คุณน่าสงสารกว่านะ ท่านพระสารีบุตรเป็นพระอรหันต์ กลับบ้านมาหาแม่ ก็ถูกแม่ด่าว่าท่านนิ่งไม่พูดอะไรเลย แต่ภายหลัง ท่านกลับมาปรินิพพานที่บ้าน เพื่อจะทดแทนบุญคุณของแม่ที่ให้กำเนิดท่าน ภายหลังแม่ก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน
เป็นการยากมาก เพราะติดขัดปัญหาทางเศรฐกิจ อีกส่วนหนี่งเรื่องการย้ายบ้าน ผมว่าทำใจครับ และถือว่าเป็นการปฎิบัติธรรมจริงๆ ในชีวิตประจำวัน โดยไม่ต้องไปหาที่ปฎิบัติอื่นๆ นอกบ้าน ลองพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสก็น่าจะดีครับ ผมแสดงความเห็นที่คิดว่าเป็นประโยชน์ ได้เพียงเท่านี้ครับ ขอให้ใช้ปัญญา ฝ่าความทุกข์ให้ได้นะครับ เป็นกำลังใจ และหวังว่าจะลุล่วงไปได้โดยดี
ดิฉันคิดเสมอว่า พ่อ แม่ เป็นพระอรหันต์ในบ้าน ดิฉันว่า ไม่ควรนำท่านมาติให้คนอื่น รับรู้ ท่านก็เป็นปุถุชนคนหนึ่ง คิดดูให้ดี
ก็ขอให้คุณอดทนละกันนะ เข้าใจความรู้สึกแต่เราไม่สามารถปฏิเสธสิ่งต่างๆ ที่ท่านให้กับเราได้ นอกจากคุณเมตตาท่านก็แล้วกัน เพราะท่านอยู่กับเราไม่นานหรอก ถ้าคุณปฏิบัติดีต่อท่าน และเมื่อวันใด ที่ไม่มีท่านแล้ว จะได้ไม่เสียใจในการกระทำของเรา ขอชมคุณและสามี ที่อยู่กับท่าน ไม่ทิ้งท่าน ถ้าท่านไม่มีเราจริงๆ ท่านคงจะเสียใจ และยิ่งน้อยใจ ลูกน้อยที่แม่ตั้งใจเลี้ยงลูกมาจนเติบโต ทำงานได้ดิบได้ดีมาจงเมตตาท่านเถิด ขอให้คุณเจริญๆ
ทำดีกับคุณแม่ต่อไปนะครับ ท่านเป็นผู้น่าสงสาร ที่จะต้องไปรับผลของกรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว และถ้าหากคุณและสามี ไม่เคยกระทำกรรมไว้ก่อน ก็คงไม่ได้รับผล เช่นนี้หรอกครับ ขันติเป็นธรรมไม่เบียดเบียนคนดี และเป็นที่จำปรารถนาในทุกสถานการณ์ เราคงไปเปลี่ยนแปลงใครไม่ได้ แต่ความเข้าใจธรรม ที่เพิ่มขึ้นของตัวคุณและสามีนั่นแหละครับ จะช่วยเกื้อกูลให้เข้าใจและเห็นใจท่านมากขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ ...
ถ้าหากปกติฟังธรรมอยู่แล้ว ก็เปิดฟังในห้องนอน เผลอๆ ก็เปิดเสียงดังๆ ให้คุณแม่ได้มีโอกาสได้ยินด้วย จะเป็นการดี ถ้าหากยังไม่ได้ฟัง ก็หาแผ่นมาฟังนะครับ อาจจะเป็นชุด
โดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถ้าเป็นเรื่องขันติบารมี ก็เปิดไปท้ายๆ ของ
บารมีในชีวิตประจำวัน ตอนที่ 13
เป็นต้นไปนะครับ แล้วจะพบว่า ในชีวิตประจำวัน เราไม่ค่อยจะอดทนเลย แต่มักจะปราถนาให้ผู้อื่นเป็นไปตามที่เราคาดหวัง แต่เมื่อเริ่มมีความเข้าใจถูกขึ้น ก็จะหันกลับมาดูพฤติกรรม การกระทำ คำพูด รวมถึงความคิดของเราเองว่า ยังเป็นอกุศล ขาดความอดทนเป็นอันมาก และต้องอดทนทั้งต่อสิ่งที่น่าพอใจและไม่น่าพอใจ ลองฟังดูนะครับ ไพเราะ และเป็นประโยชน์มาก และถ้าหากคุณแม่ท่าน สะสมบุญบารมีมาดี ท่านก็อาจสนใจและรับฟังด้วย ซึ่งจะเป็นกุศลใหญ่ ที่ทำเหตุให้ผู้มีพระคุณ เริ่มมีความสนใจสัจจธรรม