จุลลโสดาบัน
เมื่อตายจากภพชาตินี้แล้วยังอยู่กับเราหรือไม่
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระโสดาบัน คือ ผู้ที่บรรลุคุณธรรม อบรมปัญญา ระดับวิปัสสนาญาณ ๑๖ ขั้น จนบรรลุความเป็นพระโสดาบันครับ
จุลโสดาบัน คือ ยังไม่ใช่ความเป็นพระโสดาบัน เพียงเป็นจุลโสดาบัน โสดาบันน้อยซึ่ง ผู้ที่เป็นจุลโสดาบันคือมีปัญญาถึงระดับวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๒ (ปัจจยปริคคหญาณ) ขึ้นไปครับ ซึ่งวิปัสสนาญาณมีทั้งหมด ๑๖ ขั้น ผู้ที่จะเป็นพระโสดาบันต้องถึงญาณที่ 16 ส่วนผู้ที่เป็นเพียงจุลโสดาบัน คือได้ถึงวิปัสสนาญาณขั้นที่ ๒ ดังนั้นเมื่อจุลโสดาบันยังไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน ก็ยังเป็นปุถุชนอยู่ไม่ใช่พระอริยะ เพราะผู้ที่ไม่ใช่ปุถุชน เป็นพระอริยะ คือ ประจักษ์แจ้งพระนิพพานถึงการดับกิเลส ถึงวิปัสสนาญษณขั้นที่ ๑๖ จึงจะเป็นพระอริยะบุคคล มีพระโสดาบัน เป็นต้นครับ แต่ความเป็นปุถุชนก็ยังแตกต่างกันออกไปอีกครับ อันธพาลปุถุชน คือ ปุถุชนผู้มืดบอด กับ กัลยาณปุถุชน
ปุถุชนอันงาม คือ มี การอบรมปัญญาเพื่อดับกิเลส ดังนั้น จุลโสดาบันก็เป็นกัลยาณปุถุชนแน่นนอครับ และ จุลโสดาบันก็เข้าใจหนทางในการดับกิเลส มีการเจริญสติปัฏฐานและได้วิปัสสนาญาณ ดังนั้นในอนาคตท่านก็จะได้ถึงความเป็นพระโสดาบันแน่นอนครับ เพราะปัญญาเป็นสภาพธรรมที่สะสมต่อไปไม่ได้หายไปไหน ไม่ว่าจะไปเกิดเป็นใคร ภพภูมิไหนในอนาคต
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปัญญา ความเข้าใจถูกเห็นถูกที่ได้อบรมเจริญแล้ว ไม่สูญหายไปไหน สะสมสืบต่ออยู่ในจิต เมื่อได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ต่อไปอีก ความเข้าใจถูกเห็นถูกก็ย่อมเพิ่มขึ้น เมื่อปัญญาคมกล้า ก็สามารถทำให้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคล ตั้งแต่ขั้นพระโสดาบัน เป็นต้น ได้ แต่เป็นเรื่องยาก และ ต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนานในการอบรมเจริญปัญญา สิ่งสำคัญ คือ ขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมไม่ได้ เพราะถ้าไม่มีความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นแล้ว ไม่มีทางที่จะถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้เลย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...